รวมรายการ ลดหย่อนภาษี ปี2566 ที่ควรรู้
ลดหย่อนภาษี 2566 คืออะไร เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ในวันที่คนวัยทำงานทุกคนรอวันที่เงินเดือนออกทุกๆครั้ง สลิปเงินเดือนของเราโดนหักภาษีไปเท่าไร? ได้เคยลองเปิดอีเมลล์เช็คดูกันบ้างแล้วหรือไม่ เพราะหากเอารายการหักภาษีต่างๆมารวมดู ในหนึ่งปีคุณอาจจะเสียภาษีมากกว่าที่ไว้ก็ได้นะ การหักภาษีคือค่าใช้จ่ายหรือค่าเผื่อที่คุณสามารถหักออกจากรายได้ที่ต้องเสียภาษี ซึ่งสามารถช่วยลดหย่อนจำนวนภาษีที่คุณต้องชำระได้ โดยทั่วไปการหักเงินเหล่านี้จัดทำโดยรัฐบาลเพื่อส่งเสริมและเพื่อสนับสนุน อุตสาหกรรม หรือ บริษัทในประเทศ บางท่านที่ไม่เคยเช็คอีเมลล์เลยแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อทราบเรื่องนี้แล้วหลายๆคนอาจจะเกิดความกังวล และเริ่มให้ความสนใจในการแผนภาษี หากอยากทราบถึงวิธีที่จะประหยัดช่วยลดหย่อนภาษี บทความ BKK WAREHOUSE นี้ เรารวบรวมรายการลดหย่อนภาษี ปี2566 ที่ควรรู้ไว้ในบทความนี้แล้ว มาอ่านไปพร้อมๆกัน
เลือกอ่านตามหัวข้อ |
การวางแผนภาษีสำคัญอย่างไร? ทำไมถึงต้องวางแผนภาษีทุกปี
การวางแผน ลดหย่อนภาษี 2566 มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบุคคลและผู้ที่กำลังดำเนินกิจการของตนเอง โดยเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเงินของตนเองและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เพื่อลดภาระภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยการมีส่วนร่วมในการวางแผนภาษี บุคคลและผู้ประกอบธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี เครดิต และการยกเว้นภาษี ซึ่งจะช่วยลดจำนวนภาษีที่ต้องชำระในท้ายที่สุด สิ่งนี้จะสามารถนำไปสู่การประหยัดได้อย่างมากและการจัดการทางการเงินที่ดีขึ้น จะขอแบ่งเป็น 2 เหตุผลหลักๆดังนี้
- การวางแผนการเงินอย่างรัดกุมและเป็นระบบ : เป็นวิธีที่ดีในการจัดระเบียบและบรรลุเป้าหมายทางการเงินของคุณ ช่วยให้การชำระภาษีถูกต้องครบถ้วนเป็นไปตามกฏระเบียบข้อกำหนด
- การวางแผนภาษีล่วงหน้าจะช่วยให้คุณประหยัดได้มากขึ้น : คุณสามารถใช้ประโยชน์จากการหักเงิน เครดิต และการยกเว้นต่างๆ ทำให้เราได้เงินภาษีคืน และประหยัดเงินในกระเป๋าของตัวเองได้มากขึ้น
โปรดทราบว่าการหักภาษีอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเกณฑ์คุณสมบัติของแต่ละบุคคล ตามที่กฏหมายได้ระบุไว่ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในวันข้างหน้า ดังนั้นเราที่เป็นผู้ชำระภาษี ควรมีการวางแผนทางการเงินเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องสิ่งสำคัญคือต้องมีวินัยและสม่ำเสมอในการปฏิบัติตามแผนของคุณอยู่เป็นประจำ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเงินเก็บของคุณได้เป็นอย่างมาก
รวมรายการ ลดหย่อนภาษี ปี 2566
1) ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัว และครอบครัว
จะประกอบด้วยดังนี้
- ลดหย่อนภาษีส่วนตัว เป็นเงินจำนวน 60,000 บาท สามารถนำไปลดหย่อนภาษี ได้โดยไม่ติดเงื่อนไขทำได้ปกติ
- ลดหย่อนภาษีคู่สมรส เป็นเงินจำนวน 60,000 บาท สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ช่วยให้คู่สมรสสามารถลดรายได้ที่ต้องเสียภาษีของตนได้โดยการแจ้งว่าคู่สมรสของตนจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฏหมาย และคู่สมรสจะต้องไม่มีรายได้ (ซึ่งสูงสุด เพียง 1 คน) ตามที่กฏหมายกำหนด
- ลดหย่อนภาษีบุตร เป็นเงินจำนวน (คนละ) 30,000 บาท การหักเงินนี้สามารถช่วยลดรายได้ที่ต้องเสียภาษีของพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่มีบุตรในความอุปการะตามกฎหมาย โดยจะต้องเป็นบุตรแท้ๆหรือบุตรบุญธรรมที่จดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว โดยมีอายุที่ไม่เกิน 20 – 25 ปี และต้องอยู่ในสถานะที่กำลังศึกษาอยู่ (ในระดับ ปวส ขึ้นไป) หากในกรณีที่บุตรมีอายุเกิน 25 ขึ้นไป อยู่ในสถานะที่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือ เสมือนไร้ความสามารถ ก็สามารถลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน หากมีบุตรตั้งแต่ คนที่2 เป็นต้นไปที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 จะสามารถลดหย่อภาษี เป็นเงินจำนวน (คนละ) 60,000 บาท
** กรณีที่มีบุตรแท้ๆถูกต้องตามกฏหมาย : คุณจะสามารใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนบุตรแท้ๆ จะกี่คนก็ได้
** กรณีที่มีบุตรบุญธรรมถูกต้องตามกฏหมาย : คุณจะสามารถใช้สิทธิในการลดหย่อยภาษีได้ตามจำนวนบุตรบุญธรรม สูงสุด3คน เป็นเงินจำนวน (คนละ) 30,000 บาท
** กรณีสุดท้าย หากมีทั้งบุตรแท้ๆและบุตรบุญธรรม : จะให้ใช้สิทธิได้กับบุตรแท้ๆก่อน และหากว่าบุตรบุญธรรม เป็นบุตรคนที่ 4 ของครอบครัวคุณ จะไม่สามารถใชสิทธิ แต่หากบุตรบุญธรรม ได้รับรองตามกฏหมายว่าเป็น บุตรที่อยู่ในลำดับ 1-3 ของครอบครัว กรณีนี้ถึงจะใช้สิทธิบุตรบุญธรรมได้
- ลดหย่อนภาษีค่าฝากครรภ์ และคลอดบุตร หักลดหย่อนได้ตามจริง เป็นจำนวนเงินไม่เกิน (ครรภ์ละ) 60,000 บาท เป็นผลประโยชน์ทางการเงินที่มอบให้กับสตรีมีครรภ์และมารดาใหม่เพื่อเลี้ยงดูในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดบุตร โดยทั่วไป รัฐบาลหรือนายจ้างจะเสนอเงินช่วยเหลือเหล่านี้ และมีเป้าหมายเพื่อรับรองความเป็นอยู่ที่ดีและความมั่นคงทางการเงินของสตรีมีครรภ์
- ลดหย่อนภาษีค่าเลี้ยงดู บิดามารดาของตนเอง เป็นเงินจำนวนคนละ เป็นเงินจำนวน (คนละ) 30,000 บาท ได้สูงสุดไม่เกิน 4 คน หรือก็คือ คุณจะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้สูงสุดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 120,000 บาท (ต้องเป็นพ่อแม่ที่ถูกต้องตามกฏหมายและต้องไม่ใช่พ่อแม่บุญธรรม) โดยจะได้สิทธิตรงนี้ บิดา-มารดา ของคุณ ต้องมีอายุที่มากกว่า 60 ปีขึ้นไป และรายได้สุทธิ ต่อปีต้องไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งจะไม่สามารถใช้สิทธิค่าลดหย่อนภาษีซ้ำระหว่างพี่น้องได้
- ลดหย่อนภาษีค่าอุปการะผู้พิการ/ทุพพลภาพ เป็นเงินจำนวน (คนละ) 60,000 บาท โดยผู้พิการจะต้อง มีรายได้สุทธิต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท และมีบัตรประจำตัวคนพิการเป็นหลักฐานในการยื่นขอลดหย่อนภาษี
** กรณีที่เป็นผู้พิการหรือทุพลภาพ โดยไม่ใช่ตัวบุคคล แต่เป็นบิดามารดา บุตร หรือคู่สมรสของตนเอง ก็สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ทั้งสองส่วนเล็นกัน ตัวอย่างเช่น คู่สมรสไม่มีรายได้มีสถานะเป็นผู้พิการ สามารถลดหย่อนได้สูงสุด เป็นเงินจำนวน 120,000 บาท (ค่าลดหย่อนคู่สมรส เป็นเงินจำนวน 60,000 บาท และค่าลดหย่อนอุปการะผู้พิการ เป็นเงินจำนวน 60,000 บาท)
2) ค่าลดหย่อนภาษีประกัน และการลงทุน
จะประกอบด้วยดังนี้
- ลดหย่อนภาษีประกันสังคม เงินประกันสังคม สามารถลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง ภาษีที่คุณต้องชำระจะขึ้นอยู่กับรายได้รวมและกฎหมายภาษีในประเทศ เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน จำนวน 9,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีประกันสุขภาพบิดามารดา ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน จำนวน 15,000 บาท (สำหรับบิดามารดามีรายได้สุทธิต่อปี ไม่เกิน 30,000 บาท และไม่จำเป็นต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป)
- ลดหย่อนภาษีเงินลงทุนธุรกิจ Social Enterprise (วิสาหกิจเพื่อสังคม) เป็นเงินจำนวน 15,000 บาท สำหรับนักธุรกิจที่ลงทุนในหุ้นหรือ ธุรกิจ Social Enterprise ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป สามารถนำเงินที่ลงทุนไปเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้ โดยลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน จำนวน 100,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีประกันชีวิต ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน จำนวน 100,000 บาท โดยมีเงื่อนไขของค่าลดหย่อนประกันชีวิตคือ ต้องมีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป ต้องทำประกันกับบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทย และถ้าหากมีการเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบ 10 ปี จะถือว่าเป็นการผิดเงื่อนไข ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
- ลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันสุขภาพ และเบี้ยประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองสุขภาพ ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน จำนวน 25,000 บาท
** ในกรณีเมื่อรวมกับประกันชีวิตและประกันแบบสะสมทรัพย์ ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีประกันชีวิตบำนาญ คุณสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้สุทธิ ตามที่จ่ายจริง โดย เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน จำนวน 200,000 บาท โดยมีเงื่อนไขของค่าลดหย่อนประกันชีวิตคือ จะต้องมีการคุ้มครองเป็นระยะเวลา 10 ปีขึ้นไป เมื่อได้ทำประกันกับบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทย และมีการจ่ายผลประโยชน์เป็นงวดๆอยู่อย่างสม่ำเสมอ
- ลดหย่อนภาษีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/สงเคราะห์ครูฯ / กบข. กรณี กบข.ได้สูงสุด 30% ของเงินเดือน และเมื่อรวมกันทั้งหมดแล้ว เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน จำนวน 500,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (หรือที่เรียกว่า RMF : Retirement Mutual Fund) สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามที่จ่ายจริง เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน จำนวน 500,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (SSF : Super Saving Funds) จะเป็นกองทุนเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว จะสามารถนำมาลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามที่จ่ายจริง เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน จำนวน 200,000 บาท
- กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตามที่จ่ายจริง เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน จำนวน 30,000 บาท
** สำหรับกลุ่มค่าลดหย่อนประกันชีวิตและการลงทุนในการวางแผนเกษียณ ได้แก่ กองทุน RMF กองทุน SSF กบข. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ และประกันชีวิตแบบบำนาญ เมื่อรวมกันทั้งหมด ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ***
- ลดหย่อนภาษีกองทุน TESG เป็นกองทุนรวมในประเทศไทยที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุน รัฐบาลไทยเปิดตัวกองทุนนี้เพื่อส่งเสริมการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นในประเทศ ผู้ลงทุนในกองทุน TESG สามารถขอลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30% ของจำนวนเงินลงทุน โดยสามารถหักลดหย่อนเงินได้สูงสุด จำนวน 100,000 บาท จึงจะมีสิทธิได้รับการลดหย่อนภาษี
3) ค่าลดหย่อนภาษีประกัน และการลงทุน
จะประกอบด้วยดังนี้
- ลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยบ้าน ที่อยู่อาศับ ยกตัวอย่างเช่น บ้านเดี่ยว อพาร์ทเมนต์ คอนโด และอาคาร หรือ ที่อยู่อาศัยอื่นๆที่เป็นของตนเองตามกฏหมาย เป็นต้น สามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน จำนวน 100,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีเงินลงทุนวิสาหกิจเพื่อสังคม ตามที่จ่ายจริง เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน จำนวน 100,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีช้อปดีมีคืน สามารถลดหย่อนได้ เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน 40,000 บาท โครงการช้อปดีมีคืน 2566 เป็นแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในประเทศไทยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจ เสนอการลดหย่อนภาษีให้กับผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าที่มีสิทธิ์ โปรแกรมนี้ครอบคลุมสินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หนังสือ (รวมถึง e-book) และสินค้า OTOP ลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชนแล้ว เมื่อคุณได้ทำการซื้อสินค้าเหล่านี้ นำหลักฐานใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป จะลดหย่อนได้เป็นเงิน จำนวน 30,000 บาท หรือ มีใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ ลดหย่อนเพิ่มได้อีกเป็นเงิน จำนวน 10,000 บาท รัฐบาลไทยริเริ่มแคมเปญนี้เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนใช้จ่ายและสนับสนุนธุรกิจในประเทศไทย การหักภาษีที่มอบให้ผ่านโครงการสามารถให้ผลประโยชน์ทางการเงินแก่ผู้บริโภคได้ โครงการช้อปดีมีคืน 2566 มีผลสำหรับค่าซื้อสินค้าและบริการในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2566
4) ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มเงินบริจาค
จะประกอบด้วยดังนี้
- ลดหย่อนภาษีบริจาคพรรคการเมือง สามารถนำมาลดหย่อน เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน จำนวน 10,000 บาท (จะเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 2561 เป็นต้นไป)
- ลดหย่อนภาษีการศึกษา กีฬา สังคมต่างๆและโรงพยาบาลรัฐ สามารถนำมาลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาคที่จ่ายจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้สุทธิหลังจากหักค่าลดหย่อนภาษี
- ลดหย่อนภาษีบริจาคอื่นๆ มูลนิธิและองค์กรสาธารณกุศล สามารถนำมาลดหย่อน ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักค่าลดหย่อนภาษี (จะเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 2561 เป็นต้นไป)
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
ในประเทศไทย การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามี 2 แบบ คือ ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91
- ภ.ง.ด.90 ใช้เฉพาะบุคคลที่มีรายได้จากการจ้างงานเท่านั้น
- ส่วน ภ.ง.ด.91 ใช้สำหรับผู้ที่มีรายได้จากแหล่งอื่นนอกเหนือจากรายได้จากการจ้างงาน
และจะต้องเตรียมเอกสารดังนี้
- ใบรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือที่เรียกว่าใบรับรอง (50 ทวิ) เป็นเอกสารที่ออกโดยกรมสรรพากรในประเทศไทย ให้บริการแก่บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีการหักภาษีจากรายได้ของตนหรือการชำระเงินโดยตัวแทนหักภาษี ณ ที่จ่ายของไทยวัตถุประสงค์ของใบรับรองคือเพื่อใช้เป็นหลักฐานการหักภาษีที่แหล่งรายได้ แสดงจำนวนภาษีที่ถูกหักไว้และชำระให้กับกรมสรรพากรในนามของผู้เสียภาษี
- รายการที่สามารถหักลดหย่อนภาษีที่จัดเก็บตลอดทั้งปี เช่น ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัว และครอบครัว พ่อแม่ และ บุตร ของตนเอง ตามกฏหมาย
- เอกสารการกรอกแบบฟอร์มการชำระภาษีและเรียกร้องการหักภาษี
สามารถยื่นเอกสารกำกับภาษีได้ที่ไหนบ้าง
- ยื่นภาษีด้วยตัวเองที่กรมสรรพากร หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาใกล้เคียง ด้วยการเตรียมเอกสารต่างๆเหล่านี้ เช่น สลิปเงินเดือน, ใบรับรองการลงทุน, หลักฐานค่าใช้จ่ายที่ลดหย่อน เป็นต้น
- ยื่นภาษีในช่องทางออนไลน์ ผ่านระบบ E-Filing ของ กรมสรรพากร ได้ที่นี่ https://efiling.rd.go.th/rd-cms/ การ ยื่นภาษี 2566 ผ่านแอปพลิเคชันในประเทศไทยมีความสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์นี้จะช่วยให้ผู้เสียภาษีสามารถยื่นภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
- ยื่นภาษีในแพลตฟอร์มทางออนไลน์ ถ้าคุณต้องการยื่นภาษีผ่านทาง RD Smart Tax (โดยต้องทำการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากรก่อน จึงจะสามารถยื่นผ่านแอปพลิเคชันได้) คุณสามารถดาวน์โหลด แอปพลิเคชั่น RD Smart Tax จาก App Store หรือ Google Play ได้เลย แอปพลิเคชั่นนี้จะช่วยให้คุณสามารถ ยื่นภาษี 2566 ออนไลน์ได้สะดวกและง่ายยิ่งขึ้น คุณสามารถใช้ RD Smart Tax เพื่อกรอกแบบฟอร์มภาษี บันทึกใบเสร็จรับเงิน และยื่นภาษีได้โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสำนักงานภาษีอำเภอให้เสียเวลา
กรณีได้รับการยกเว้น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- กรณีผู้มีเงินได้เป็นผู้พิการ ผู้พิการต้องมีบัตรประจำตัว พ.ศ. 2550 ว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ในปีนั้นๆ ถึงจะมีสิทธิได้รับการยกเว้น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เฉพาะส่วนที่ไม่เกินจำนวน 190,000 บาท ในภาษีปีนั้น
- กรณีเป็นผู้สูงอายุ จำเป็นต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 65 ปีบริบูรณ์ในปีนั้นๆ ถึงจะมีสิทธิได้รับยกเว้น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เฉพาะส่วนที่ไม่เกินจำนวน 190,000 บาท ในภาษีปีนั้น
- กรณีที่มีเครดิตภาษีเงินปันผล หมายความว่าคุณมีสิทธิ์ได้รับเครดิตภาษีจากเงินปันผลที่คุณได้รับจากการลงทุนบางรายการ เครดิตภาษีเงินปันผลเป็นวิธีหนึ่งในการลดจำนวนภาษีที่คุณค้างชำระจากรายได้เงินปันผล เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของภาษีที่ได้ชำระไปแล้วในระดับองค์กร สามารถใช้ยกเว้น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้ตามสัดส่วนที่ได้รับจากเงินปันผล
และทั้งหมดนี้ก็คือ รายการลดหย่อนภาษีสำหรับปี พ.ศ. 2566 ที่ทาง BKK WAREHOUSE ก่อนจะทำการยื่นภาษี ได้รวบรวมมาให้ทุกคนได้ดูเป็นข้อมูลกัน
สรุป การวางแผนภาษีมีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากช่วยให้เราสามารถจัดการการเงินของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์รายได้ การหักเงิน และการลงทุนของเราเพื่อลดภาระภาษีของเราให้เหลือน้อยที่สุดภายใต้กรอบทางกฎหมาย ด้วยการวางแผนภาษีอย่างมีกลยุทธ์ เราจึงสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากการหักเงิน การยกเว้น และเครดิตที่มีอยู่ได้มากที่สุด ซึ่งในทางกลับกันช่วยให้เราประหยัดเงิน ลงทุนอย่างชาญฉลาด และบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น