previous arrow
next arrow
Slider

How many types of legal entities are there?

Freight Forwarder เหมือนหรือต่างจาก Shipping อย่างไร
How is Freight Forwarder similar or different from Shipping?
April 29, 2024
ที่ดิน ภ.บ.ท.5 คืออะไร?
What is Ph.B.T.5 land?
June 26, 2024

How many types of legal entities are there?

นิติบุคคล มีกี่ประเภท

นิติบุคคล มีกี่ประเภท ?

นิติบุคคล มีกี่ประเภท

นิติบุคคล คือ กลุ่มบุคคลหรือองค์กรที่กฎหมายให้สถานะเสมือนเป็นบุคคลธรรมดา โดยมีสิทธิและหน้าที่ตามที่กฎหมายกําหนด เช่น มีความสามารถในการทํานิติกรรมสัญญาต่างๆ มีสิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน มีหน้าที่ในการเสียภาษีอากร รวมถึงการเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ เป็นต้น กฎหมายจึงสมมติให้นิติบุคคลมีสถานะเสมือนเป็นบุคคลธรรมดา เพื่ออํานวยความสะดวกในทางธุรกิจและการค้า

นิติบุคคลแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

ประเภทของนิติบุคคลทั้งสองประเภทนี้จะมีลักษณะการจัดตั้ง การดำเนินงาน และการบริหารที่แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

นิติบุคคลแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

 

ประเภทที่ 1 นิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

(นิติบุคคลตามกฎหมายเอกชน)  มีด้วยกัน 5 ประเภทได้แก่

ประเภทที่ 1 นิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

1) บริษัทจำกัด (Limited Company)

เป็นนิติบุคคลที่มีทุนแบ่งออกเป็นหุ้นมูลค่าเท่าๆ กัน ผู้ถือหุ้นจะรับผิดชอบในหนี้สินของบริษัทไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังชำระไม่ครบค่าหุ้น

2) ห้างหุ้นส่วนสามัญ (Ordinary Partnership)

เป็นนิติบุคคลที่ประกอบด้วยหุ้นส่วนตั้งแต่สองคนขึ้นไป หุ้นส่วนทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารงานและมีความรับผิดชอบไม่จำกัดในหนี้สินของห้างหุ้นส่วน

3) ห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership)

เป็นนิติบุคคลที่ประกอบด้วยหุ้นส่วนสองประเภทคือ หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดชอบ (General Partner) ที่มีความรับผิดชอบไม่จำกัด และหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดชอบ (Limited Partner) ที่มีความรับผิดชอบจำกัดเพียงจำนวนเงินที่ลงทุน

4) สมาคม (Association)

เป็นนิติบุคคลที่บุคคลหลายคนร่วมกันจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ที่ไม่แสวงหากำไร เช่น สมาคมวิชาชีพ สมาคมกีฬา เป็นต้น

5) มูลนิธิ (Foundation)

เป็นนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจกรรมเพื่อการกุศล ศาสนา วิทยาศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ วัฒนธรรม ศิลปกรรม หรืองานสาธารณะประโยชน์อื่น ๆ โดยมีทรัพย์สินที่ผู้ก่อตั้งมอบให้เพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์

 

ประเภทที่ 2 นิติบุคคลตามกฎหมายอื่น

(นิติบุคคลตามกฎหมายมหาชน) เหล่านี้ถูกจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายที่เฉพาะเจาะจง และมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจกรรมที่แตกต่างกันไปตามหน้าที่และบทบาทที่กฎหมายกำหนดให้ ดังนี้

ประเภทที่ 2 นิติบุคคลตามกฎหมายอื่น

1) นิติบุคคลตามพระราชบัญญัติ (Public Juristic Persons)

เช่น บริษัทมหาชนจำกัดที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด และสหกรณ์ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ เป็นต้น

2) นิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะกำหนด (Specific Legal Entities)

องค์การมหาชน (Public Organization) ที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการบริการสาธารณะ เช่น สำนักงานประกันสังคม

3) หน่วยงานราชการและองค์กรของรัฐ (Government and State Entities)

รวมถึงหน่วยงานต่างๆ เช่น วัด จังหวัด กระทรวง ทบวง กรม ที่มีบทบาทและหน้าที่ในการบริหารงานของรัฐและการบริการประชาชน

4) องค์กรวิชาชีพและการศึกษา (Professional and Educational Institutions)

เช่น มหาวิทยาลัยที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะเพื่อดำเนินการด้านการศึกษาและวิจัย

 

นิติบุคคล กับ บุคคลธรรมดา แตกต่างกันอย่างไร?

นิติบุคคล กับ บุคคลธรรมดา คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร ?

บุคคลธรรมดา หมายถึง บุคคลที่มีชีวิตจริง ผู้ที่มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายสถานะทางกฎหมายตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต เมื่อดำเนินธุรกิจบุคคลธรรมดา ธุรกิจนี้มีเจ้าของเพียงคนเดียวและไม่ต้องจดทะเบียนกับหน่วยงานราชการ ธุรกิจบุคคลธรรมดาสามารถเกิดขึ้นเองได้ แต่นิติบุคคลไม่สามารถทำทุกอย่างเหมือนบุคคลธรรมดาได้ ยกเว้นสิทธิและหน้าที่บางอย่าง เช่น สิทธิในครอบครัวและทางการเมือง นอกจากนี้ บุคคลธรรมดาต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของกิจการ

 

แต่ว่า นิติบุคคล จะเป็นเพียงบุคคลสมมติที่ไม่มีชีวิต ร่างกาย หรือสติปัญญา จึงต้องมี “ผู้แทนนิติบุคคล” เพื่อแสดงสิทธิ หน้าที่ และความประสงค์ของนิติบุคคล นิติบุคคลต้องจดทะเบียนธุรกิจก่อนเริ่มดำเนินการ เนื่องจากมีสถานะที่แตกต่าง และภาระหนี้สินแยกจากเจ้าของกิจการ นิติบุคคลต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยรูปแบบภาษีที่นิยม ได้แก่ บริษัทและห้างหุ้นส่วนจำกัด นอกจากนี้ ยังต้องจัดทำรายงานทางบัญชีและมีผู้ตรวจสอบบัญชี อีกด้วย

 

นิติบุคคลและบุคคลธรรมดามีความแตกต่างกันในหลายประการ ดังนี้

1) สถานะทางกฎหมาย

  • นิติบุคคล เป็นหน่วยงานหรือองค์กรที่ได้รับการยอมรับทางกฎหมายให้มีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา แต่มีสถานะเป็นองค์กร เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วน มูลนิธิ เป็นต้น
  • บุคคลธรรมดา คือบุคคลที่มีชีวิตจริง ๆ และมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายโดยธรรมชาติ

2) การจัดตั้งและดำเนินการ

  • นิติบุคคล ต้องมีการจดทะเบียนและจัดตั้งตามกฎหมาย โดยมีกระบวนการและขั้นตอนที่เป็นทางการ
  • บุคคลธรรมดา มีสถานะทางกฎหมายโดยการเกิด ไม่ต้องมีการจดทะเบียนพิเศษเพื่อยืนยันสถานะนี้

3) ความรับผิดชอบทางกฎหมาย

  • นิติบุคคล รับผิดชอบต่อหนี้สินและภาระผูกพันของตนเอง โดยแยกออกจากความรับผิดชอบของผู้ถือหุ้นหรือสมาชิก
  • บุคคลธรรมดา รับผิดชอบต่อหนี้สินและภาระผูกพันของตนเองโดยไม่มีการแยกทรัพย์สินหรือความรับผิดชอบ

4) การดำรงอยู่

  • นิติบุคคล มีการดำรงอยู่ต่อเนื่องแม้ผู้ก่อตั้งหรือสมาชิกจะเปลี่ยนแปลงหรือเสียชีวิตไป
  • บุคคลธรรมดา การดำรงอยู่ขึ้นอยู่กับชีวิตของบุคคลนั้น ๆ และจะสิ้นสุดเมื่อบุคคลเสียชีวิต

5) การเสียภาษี

  • นิติบุคคล ต้องเสียภาษีในฐานะองค์กรหรือบริษัทตามกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้อง
  • บุคคลธรรมดา ต้องเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดาตามกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้อง

 

ความแตกต่างเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงลักษณะพิเศษและข้อจำกัดของทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาในการปฏิบัติตามกฎหมายและการดำเนินชีวิต

 

กฎเกณฑ์และเงื่อนไขของบุคคลธรรมดา

  • จะต้องมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ และได้สมรสถูกต้องตามกฎหมาย จะถือว่าเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ
  • การที่บุคคลต้องไม่เป็น “บุคคลไร้ความสามารถ”
  • โดยบุคคลที่ถือว่าเป็นผู้เยาว์, ผู้ไร้ความสามารถ, และผู้เสมือนไร้ความสามารถ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม, ผู้อนุบาล, หรือผู้พิทักษ์ ตามลำดับตามกฏหมายก่อน ถึงจะทำนิติกรรมได้

 

ข้อดีของการเปลี่ยนธุรกิจจากบุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคล

ข้อดีของการเปลี่ยนธุรกิจจากบุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคล

 

เริ่มต้นด้วยบุคคลธรรมดา

  • คล่องตัว ตัดสินใจเองได้ด้วยตัวคนเดียว
  • จัดตั้งง่าย ไม่ต้องจัดทำบัญชี

เมื่อธุรกิจเติบโต

  • ต้องการเงินลงทุนและหุ้นส่วน
  • จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล

ข้อดีของนิติบุคคล

  • ไม่เสียภาษีหากขาดทุน
  • น่าเชื่อถือกว่าบุคคลธรรมดา
  • แยกเงินส่วนตัวกับเงินธุรกิจอย่างชัดเจน 
  • ปกป้องทรัพย์สินส่วนตัวหากธุรกิจล้มละลาย

 

ขั้นตอนการจดทะเบียนนิติบุคคลที่เข้าใจง่ายและครอบคลุม

 

1) ตรวจสอบและจองชื่อบริษัท ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของชื่อบริษัทที่ต้องการและจองไว้เพื่อป้องกันการซ้ำซ้อน

2) จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ ร่างเอกสารที่ระบุวัตถุประสงค์ กฎระเบียบ และโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท

3) จองซื้อหุ้นและประชุมผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นจองซื้อหุ้นและประชุมเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทและอนุมัติหนังสือบริคณห์สนธิ

4) ประชุมจัดตั้งคณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการบริษัทที่ได้รับการแต่งตั้งจะประชุมเพื่อกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบและวางแผนการดำเนินงาน

5) ชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน ชำระค่าธรรมเนียมที่กำหนดให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจดทะเบียนนิติบุคคล

6) รับใบสำคัญและหนังสือรับรองการจดทะเบียน เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว บริษัทจะได้รับใบสำคัญและหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งเป็นหลักฐานการจัดตั้งบริษัทอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

 

เช่าโกดังสินค้า  bkkwarehouse

โกดังเก็บของ เก็บสินค้า ให้เช่าในราคาถูก  ราคารวมภาษีทุกอย่าง

ทำให้สามารถลดต้นทุนของลูกค้าได้ ที่สำคัญโกดังให้เช่า  ตั้งอยู่ในทำเลทอง !!!

ติดต่อเรา

หรือสนใจสอบถาม  โกดังเก็บสินค้าของ  bkkwarehouse
โทร 089 768 5205

LINE ID : @bkkwarehouse

https://lin.ee/5CuTpWq

คิวอาร์โค้ด บีเคเค

Top