previous arrow
next arrow
Slider

ระบบลีน (LEAN) กำจัด 7 waste ในการผลิตเพื่อลดต้นทุนและเพื่อกำไรที่มากขึ้นของผู้ประกอบการโรงงาน

รวมวิธี ไล่นกพิราบ ที่สร้างปัญหา แบบได้ผลจริงที่ทุกคนทำตามได้ง่ายๆ
รวมวิธี ไล่นกพิราบ ที่สร้างปัญหา แบบได้ผลจริง
กันยายน 1, 2023

ระบบลีน (LEAN) กำจัด 7 waste ในการผลิตเพื่อลดต้นทุนและเพื่อกำไรที่มากขึ้นของผู้ประกอบการโรงงาน

ระบบ (LEAN) กำจัด 7 waste ในการผลิตเพื่อลดต้นทุนและเพื่อทำกำไรที่มากขึ้นของผู้ประกอบการโรงงาน

ระบบ (LEAN) กำจัด 7 waste ในการผลิตเพื่อลดต้นทุนและเพื่อทำกำไรที่มากขึ้นของผู้ประกอบการโรงงาน

ระบบลีน (LEAN) กำจัด 7 waste ในการผลิตเพื่อลดต้นทุนและเพื่อกำไรที่มากขึ้นของผู้ประกอบการโรงงาน

 

7 waste จะถูกกำจัดด้วย ระบบ Lean หรือที่เรียกว่า LEAN Manufacturing เป็นวิธีการที่มุ่งเน้นไปที่การลดของเสียให้เหลือน้อยที่สุดและเพิ่มมูลค่าสูงสุดในการดำเนินธุรกิจ มีต้นกำเนิดช่วงปี 1980 ในอุตสาหกรรมระบบการผลิตรถยนต์ของโตโยต้า และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมต่างๆ เป้าหมายหลักของ Lean คือการปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า บรรลุเป้าหมายนี้ด้วยการกำจัดกิจกรรมที่ไม่เพิ่มมูลค่า ปรับปรุงกระบวนการ และเสริมศักยภาพของพนักงานในการระบุและแก้ไขปัญหา ด้วยการนำหลักการลีนไปใช้ องค์กรจะสามารถบรรลุการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและสร้างวัฒนธรรมแห่งประสิทธิภาพและความเป็นเลิศได้อยู่ตลอดเวลาอย่างแน่นอน

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

ระบบลีน (LEAN) คืออะไรสงสัยกันหรือไม่ ?

ระบบลีน lean คือ การปรับโครงสร้างในการทำงาน ระบบขององค์กรให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ด้วยการลดสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์และไม่เกิดมูลค่าแก่องค์กร หรือ ที่เรียกอีกอย่างว่า “การกำจัดWast โดยแนวคิดของการลีนถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม เพื่อลดเช่นกัน แต่เป็นการลด “ความสูญเปล่า” ซึ่งหมายถึง เมื่อมีความสูญเปล่าเกิดขึ้นมากเท่าไร หลังจากนำ ระบบลีน (LEAN) มาใช้กับในองค์กรแล้วจะมีความสูญเปล่าเกิดขึ้นน้อยลงจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจาก ระบบลีนเป็นการใช้ต้นทุนการผลิตให้ต่ำที่สุด และใช้เวลาการผลิตให้สั้นที่สุด เพื่อมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูงสุด แถมยังช่วยเพิ่มโอกาสในการผลิตที่มากขึ้นจากเดิม ส่งผลดีต่อรายได้มีกำไรที่เพิ่มขึ้นด้วย

 

ประโยชน์ของระบบลีน

การใช้ระบบลีนในแต่ละองค์กรจะสร้างคุณค่าที่แตกต่างกันไป แต่ประโยชน์หลักที่ทุกองค์กรจะได้มีทั้งหมด 5 ข้อ คือ

  • ประสิทธิภาพทำงานดีขึ้น – ลีนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงานโดยตรง เนื่องจากเป็นการกำจัดความสูญเปล่าของกระบวนการทั้งหมด ทำให้พนักงานได้ทำงานเฉพาะกระบวนการที่มีคุณค่าเท่านั้น
  • ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ – พนักงานไม่ต้องเสียเวลากับกระบวนการที่ไม่จำเป็น ทุกคนจะมีเวลาทำงานมากขึ้นหรือเร็วขึ้น สินค้าและบริการก็จะถึงมือลูกค้าไวขึ้น
  • การบริการลูกค้าดีขึ้น – เพราะลูกค้าคือหัวใจหลักของทุกธุรกิจอยู่แล้ว ระบบลีนจะมุ่งหาความต้องการของลูกค้าจริง ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนาสินค้าและบริการ ให้ตอบสนองความต้องการอย่างตรงจุด
  • พนักงานมีกำลังใจมากขึ้น – ระบบลีนสนับสนุนให้เกิดการสื่อสารระหว่างผู้บริหารและพนักงาน ทำให้พนักงานรู้สึกว่าประสบการณ์และความคิดเห็นของตัวเองมีคุณค่า การรับฟังดังกล่าวจะช่วยให้บรรยากาศการทำงานดีขึ้น
  • ลดต้นทุนสินค้าคงคลัง – ในกรณีอุตสาหกรรม ถ้าเราผลิตสินค้ามากเกินไปก็จะเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสินค้าคงคลัง ซึ่งการเก็บสินค้าไว้นาน ๆ ก็จะเกิดการสูญเสียคุณภาพได้อีก นับเป็นความสิ้นเปลืองอย่างหนึ่งเหมือนกัน

 

ระบบลีน (LEAN) ช่วยลดต้นทุนต่อองค์กรอย่างไร 

ระบบลีน (LEAN) มีจุดมุ่งหมายเพื่อกำจัด ความสูญเปล่า สิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและผลผลิตให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ดีอยู่ในตลอดเวลา โดยทั่วไปแล้วความสูญเปล่า 7 ประเภท หรือ ที่รู้จักกันโดยทั่วไปเรียกว่า 7 Waste มีดังนี้

 

กำจัด 7 Waste ด้วยระบบลีน lean

 

1. ความสูญเปล่าจาก การขนส่ง (7 Waste from transportation)

  • การขนย้ายบ่อย ๆ (Transportation) – ต้องใช้กำลังคนและเวลา

การเคลื่อนย้ายหรือการขนส่งวัสดุหรือผลิตภัณฑ์โดยไม่จำเป็น ที่มีความไร้ประสิทธิภาพและเกิดผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งรูปแบบต่างๆ

  • สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง: ยานพาหนะที่ไม่มีประสิทธิภาพ การจราจรติดขัด และพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ดี อาจนำไปสู่การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการปล่อยมลพิษที่มากเกินไป สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรอันมีค่าเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย
  • เสียเวลาเปล่า: ยานพาหนะที่รออยู่เฉยๆ ในการจราจรหรือที่จุดขนถ่ายส่งผลให้เสียเวลาและเชื้อเพลิง การวางแผนเส้นทางและการกำหนดเวลาที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดการเสียเวลาที่ไม่ได้ใช้งานได้
  • ขยะจากบรรจุภัณฑ์: การขนส่งมักเกี่ยวข้องกับการใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์เพื่อปกป้องสินค้าระหว่างการขนส่ง บรรจุภัณฑ์ที่มากเกินไปหรือไม่สามารถรีไซเคิลได้อาจทำให้เกิดขยะได้
  • ของเสียจากโครงสร้างพื้นฐาน: โครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งที่วางแผนไว้ไม่ดีหรือใช้งานไม่เต็มที่อาจส่งผลให้เกิดการสิ้นเปลืองทรัพยากร ซึ่งรวมถึงถนน ทางรถไฟ ท่าเรือ และสนามบินที่ไม่ได้ใช้หรือใช้งานไม่หมด
  • ของเสียจากการบรรทุกเปล่า: การขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เปล่าหรือยานพาหนะโดยไม่มีสินค้าใดๆ ถือเป็นการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เวลา และทรัพยากร การเพิ่มขีดความสามารถในการบรรทุกสูงสุดและการใช้ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดปริมาณขยะเปล่าได้

เพื่อจัดการกับขยะในการขนส่ง กลยุทธ์ต่างๆ สามารถนำไปใช้ได้ เช่น การส่งเสริมยานพาหนะที่ประหยัดน้ำมัน การลงทุนในการขนส่งสาธารณะ การสนับสนุนการใช้รถร่วมกัน การเพิ่มประสิทธิภาพ โลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน และการนำแนวทางปฏิบัติด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนไปใช้ ด้วยการลดของเสียในการขนส่ง เราสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมได้

 

2. ความสูญเปล่าจาก สินค้าคงคลัง (7 Waste from Inventory)

  • สินค้าคงคลังมากเกินไป (Inventory) – เกิดต้นทุนจม เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

ของเสียจากสินค้าคงคลังหมายถึงวัสดุ ผลิตภัณฑ์ หรือทรัพยากรต่างๆ ที่ถูกทิ้งหรือถือว่าใช้ไม่ได้ภายในระบบสินค้าคงคลัง สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การหมดอายุ ความเสียหาย ความล้าสมัย หรือการขาดประสิทธิภาพในการผลิต การจัดการของเสียจากสินค้าคงคลังอย่างเหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญในการลดความสูญเสียและเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด 

  • ใช้ระบบการจัดการสินค้าคงคลังที่เหมาะสม: ใช้ระบบที่เชื่อถือได้เพื่อติดตามและตรวจสอบระดับสินค้าคงคลังอย่างถูกต้อง วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถระบุสิ่งของที่มากเกินไปหรือล้าสมัยที่อาจก่อให้เกิดขยะได้
  • เพิ่มประสิทธิภาพระดับสินค้าคงคลัง: วิเคราะห์ข้อมูลการขายของคุณและคาดการณ์ความต้องการในอนาคตเพื่อให้แน่ใจว่าคุณรักษาระดับสินค้าคงคลังที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการสต๊อกสินค้ามากเกินไปซึ่งมีอายุการใช้งานสั้นกว่าหรือมีความต้องการน้อย
  • ใช้วิธี FIFO วิธีเข้าก่อน ออกก่อน : ปฏิบัติตามหลักการ FIFO หรือ เรียกอีกอย่างว่า (First-in, First-out Method หรือ FIFO Method) ในขณะที่จัดเก็บและขายสินค้า ซึ่งหมายถึงการใช้สินค้าคงคลังที่เก่าที่สุดก่อนเพื่อลดโอกาสที่สินค้าจะหมดอายุหรือล้าสมัย เป็นการคิดต้นทุนสินค้าที่ถูกนำเข้ามาก่อนและขายออกไปตามลำดับ
  • การตรวจสอบสินค้าคงคลังเป็นประจำ: ดำเนินการตรวจสอบสินค้าคงคลังเป็นประจำเพื่อระบุสินค้าที่หมดอายุหรือเสียหาย ลบรายการเหล่านี้ออกจากสินค้าคงคลังของคุณทันทีเพื่อป้องกันการสิ้นเปลือง
  • โครงการบริจาคหรือลดราคา: พิจารณาร่วมมือกับองค์กรการกุศลในท้องถิ่นหรือองค์กรที่สามารถยอมรับและแจกจ่ายสินค้าคงคลังที่ขายไม่ออกหรือส่วนเกิน หรือเสนอส่วนลดหรือโปรโมชั่นเพื่อเคลื่อนย้ายสิ่งของที่เคลื่อนไหวช้าและลดของเสีย
  • ความร่วมมือกับซัพพลายเออร์: สร้างการสื่อสารแบบเปิดกับซัพพลายเออร์ของคุณเพื่อจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาอาจสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกหรือแนะนำกลยุทธ์ในการลดของเสีย เช่น การจัดส่งให้น้อยลงและบ่อยขึ้น

โปรดจำไว้ว่า การลดของเสียจากสินค้าคงคลังจำเป็นต้องมีการตรวจสอบ การวิเคราะห์ และการตัดสินใจเชิงรุกอย่างสม่ำเสมอ

 

3. ความสูญเปล่าจาก การเคลื่อนไหว (7 Waste from motion)

  • การเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น (Motion) – ยิ่งเคลื่อนไหวมาก ยิ่งสูญแรงเปล่า

การเคลื่อนย้ายหมายถึงการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพระหว่างการขนส่งหรือการเคลื่อนไหวของคน รวมถึงปัจจัยต่างๆ เช่น การเดินทางโดยไม่จำเป็น การสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากเกินไป และการขนส่งที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดการสูญเสียจากการเคลื่อนย้าย บุคคลและองค์กรสามารถพิจารณาใช้มาตรการดังต่อไปนี้ได้

  • การใช้รถร่วมกัน:  การใช้รถกับผู้อื่นที่มีจุดหมายปลายทางคล้ายกันจะช่วยลดจำนวนรถบนท้องถนนและลดการใช้เชื้อเพลิงได้
  • การขนส่งสาธารณะ: การเลือกใช้รถประจำทาง รถไฟ หรือรถรางแทนรถยนต์แต่ละคันจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยรวมได้
  • การเดินทางตามความเหมาะสม: การเลือกเดินหรือปั่นจักรยานในระยะทางที่สั้นกว่าแทนที่จะใช้ยานพาหนะสามารถช่วยส่งเสริมสมรรถภาพทางกายและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้
  • การวางแผนเส้นทางที่มีประสิทธิภาพ: การวางแผนและเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางสามารถลดระยะการเดินทางให้ถึงจุดหมายปลายทางที่สั้นลงและช่วยประหยัดเวลาและเชื้อเพลิงของยานพาหนะได้อีกด้วย
  • การสื่อสารทางไกล: การทำงานจากระยะไกลหรือการใช้เครื่องมือที่ทันสมัย ในการประชุมทางวิดีโอ ผ่าน แอปพลิเคชั้น ไลน์ หรือ เฟสบุ๊ค ช่วยลดความจำเป็นในการเดินทางโดยไม่จำเป็น
  • การเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน: ธุรกิจสามารถปรับปรุงการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ของตนเพื่อลดการเคลื่อนย้ายสินค้าและลดของเสียจากการขนส่ง

การนำแนวทางปฏิบัติเหล่านี้ไปใช้จะช่วยให้เราสามารถมีส่วนร่วมในแนวทางการเคลื่อนย้ายที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 

4. ความสูญเปล่าจาก การรอคอย (7 Waste from waiting)

  • การรอคอย (Waiting) – เสียเวลา เสียความรู้สึก

การเสียเวลาในการรอหมายถึงการใช้เวลาในการรอบางสิ่งอย่างไร้ประสิทธิผลหรือไม่มีประสิทธิภาพ การรอคอยอาจทำให้หงุดหงิดและรู้สึกเหมือนเป็นการเสียเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีกิจกรรมหรืองานใดๆ ที่สามารถทำให้สำเร็จได้ในระหว่างช่วงการรอคอย อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องใช้เวลารอคอยให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่มีประสิทธิผล เช่น การอ่าน การเรียนรู้ หรือการวางแผน ด้วยการหาวิธีใช้เวลารอคอยอย่างมีประสิทธิภาพ เราจะสามารถลดความรู้สึกสิ้นเปลืองและใช้เวลาทุกช่วงเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

5. ความสูญเปล่าจาก การผลิตที่มากเกินจำเป็น (7 Waste from overproduction)

  • การผลิตสินค้ามากเกินความต้องการ (Overproduction) – เปลืองที่จัดเก็บและงบประมาณ

ของเสียจากการผลิตมากเกินไปหมายถึงวัสดุ ผลิตภัณฑ์ หรือทรัพยากรส่วนเกินที่เกิดขึ้นเนื่องจากการผลิตมากกว่าที่จำเป็นหรือเรียกว่ามากเกินไปสำหรับตลาด ของเสียนี้อาจอยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น สินค้าคงคลังที่ไม่ได้ใช้ ผลิตภัณฑ์ที่ขายไม่ออก หรือวัสดุที่ล้าสมัยหรือหมดอายุก่อนนำมาใช้ การสะสมของของเสียเหล่านี้จากการผลิตมากเกินไปอาจส่งผลกระทบเชิงลบหลายประการ รวมถึงการสูญเสียทางการเงิน การจัดเก็บและการกำจัดที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนและความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหานี้ องค์กรบริษัทต่างๆ สามารถใช้กลยุทธ์ได้ดังนี้ 

  • การใช้วิธีการผลิตแบบทันเวลาพอดี : เป็นกลยุทธ์การผลิตที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดสินค้าคงคลังและเพิ่มประสิทธิภาพโดยการผลิตสินค้าเมื่อจำเป็นเท่านั้น วัสดุจะถูกส่งไปยังสายการผลิตก่อนที่จำเป็น ซึ่งช่วยลดต้นทุนการจัดเก็บและลดของเสียได้ใปริมาณที่มาก
  • การปรับปรุงการคาดการณ์ความต้องการ :เป็นกระบวนการที่ต้องทำซ้ำๆ ซึ่งต้องมีการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง จะสามารถคาดการณ์ความต้องการของตลาดและช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจได้ง่ายขึ้น

ด้วยการลดของเสียจากการผลิตมากเกินไป ธุรกิจไม่เพียงแต่สามารถประหยัดได้เท่านั้น ทรัพยากรและลดต้นทุน แต่ยังช่วยให้ระบบการผลิตมีความยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

6. ความสูญเปล่าจาก กระบวนการขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน (7 Waste from processing)

เพื่อลดของเสียให้เหลือน้อยที่สุดและขจัดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน มีกลยุทธ์บางประการที่คุณควรพิจารณาดังนี้ 

  • ปรับปรุงกระบวนการ: ตรวจสอบขั้นตอนการทำงานปัจจุบันและระบุขั้นตอนที่ไม่จำเป็นหรือซ้ำซ้อน มองหาโอกาสในการรวมงานหรือทำให้กระบวนการเป็นอัตโนมัติโดยใช้เทคโนโลยี
  • ขั้นตอนมาตรฐาน: กำหนดขั้นตอนที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเพื่อให้มั่นใจว่ามีความสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่ขั้นตอนซ้ำซ้อนจะคืบคลานเข้าสู่เวิร์กโฟลว์
  • สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ: ส่งเสริมการสื่อสารแบบเปิดระหว่างสมาชิกในทีมเพื่อระบุและแก้ไขขั้นตอนหรือปัญหาคอขวดที่ซ้ำซ้อน ตรวจสอบและอัปเดตกระบวนการเป็นประจำตามความคิดเห็นและข้อมูลเชิงลึกจากผู้ที่ปฏิบัติงาน
  • ใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด: ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและซอฟต์แวร์เทคโนโลยีเพื่อทำงานซ้ำ ๆ โดยอัตโนมัติทุกที่ที่ทำได้ ซึ่งจะช่วยลดข้อผิดพลาดของมนุษย์และประหยัดเวลาได้
  • การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: ส่งเสริมวัฒนธรรมของการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยที่ทุกคนได้รับการสนับสนุนให้เสนอแนวคิดในการกำจัดของเสียและขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน ประเมินและปรับปรุงกระบวนการอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการยังคงมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

การนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้ คุณจะลดของเสียและปรับปรุงประสิทธิภาพในขั้นตอนการทำงานของคุณได้อย่างแน่นอน

 

7. ข้อบกพร่องจากการผลิตของเสีย (7 Waste from defect)

  • งานที่ต้องแก้ไข (Defect) – ทำเสร็จแล้ว แต่เสียเวลาแก้ไข

การสูญเสียของเสียหมายถึงปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นซึ่งไม่ได้รับการจัดการหรือนำไปใช้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้เกิดการสูญเสียจากวงจรการผลิต การผลิตของเสียถือเป็นปัญหาระดับโลกที่สำคัญซึ่งมีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจสังคมหลายประการ การสูญเสียของเสียมีสาเหตุหลายประการ รวมถึงแนวทางปฏิบัติในการจัดการขยะที่ไม่เพียงพอ การใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพ การขาดโครงสร้างพื้นฐานในการรีไซเคิล และการตระหนักรู้ที่จำกัดเกี่ยวกับการลดของเสียและการรีไซเคิล ผลที่ตามมาของการสูญเสียของเสียนั้นมีวงกว้าง นำไปสู่การสิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติ มลพิษที่เพิ่มขึ้น และผลกระทบด้านลบต่อระบบนิเวศ นอกจากนี้ การสูญเสียของเสียยังก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากมุมมองทางเศรษฐกิจและสังคม การสูญเสียของเสียแสดงถึงโอกาสที่พลาดไปในการฟื้นฟูทรัพยากร การสร้างงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ในการจัดการกับการสูญเสียของเสีย การนำแนวปฏิบัติการจัดการขยะอย่างยั่งยืนมาใช้เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งรวมถึงการดำเนินการแยกขยะอย่างมีประสิทธิผล ส่งเสริมการรีไซเคิลและการทำปุ๋ยหมัก การลงทุนในเทคโนโลยีการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการลดของเสียและการบริโภคอย่างรับผิดชอบ รัฐบาล ธุรกิจ และบุคคลต่างๆ ต่างก็มีบทบาทในการลดการสูญเสียของเสียและการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจแบบวงกลมมากขึ้น

 

LEAN MANUFACTURING คืออะไร ?

 

สรุป “อะไรก็ตามที่ทำไปแล้วไม่ได้สร้างคุณค่าให้กับลูกค้าโดยตรง ถือว่าเป็นความสิ้นเปลือง (Waste) ทั้งหมด”

ระบบลีนมีเป้าหมายที่จะสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้นโดยมุ่งเน้นที่การสร้างมูลค่าและการลดของเสีย ได้รับการนำไปใช้อย่างประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงการผลิต การดูแลสุขภาพ และบริการ เพื่อให้บรรลุความเป็นเลิศในการดำเนินงานและขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรที่ยั่งยืน 

  • ระบบลีน (LEAN) คือ การปรับการบริหารจัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านการลดกระบวนการทำงานที่ไม่สร้างมูลค่า พร้อมความสามารถในการปรับตัวเพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
  • ลีนให้ความสำคัญ 3 อย่าง คือ การกำหนดคุณค่าจากมุมมองของลูกค้าเป็นหลัก, การกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากกระบวนการธุรกิจ และการพัฒนากระบวนการทำงาน เป้าหมาย และบุคคลการอย่างต่อเนื่อง
  • สำหรับ HR การใช้ระบบลีนในการบริหารจัดการองค์กรคือการลด Cost ไม่ใช่การลดคน โดยคนที่บริษัทต้องการคือคนที่สร้างผลกำไร ส่วนคนที่เป็น Cost ก็จะทำงานต่อได้ยาก

วีดีโอระบบลีน (LEAN) จัดทำโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ทุกคนดูจบก็สามารถเข้าใจระบบนี้ได้อย่างไม่ยากเลย

แนะนำคลังสินค้าให้เช่าราคาถูก (รวมภาษีแล้ว) กับ bkkwarehouse

โกดังเก็บของ เก็บสินค้า ให้เช่าในราคาถูก  ราคารวมภาษีทุกอย่าง

ทำให้สามารถลดต้นทุนของลูกค้าได้ ที่สำคัญโกดังให้เช่า  ตั้งอยู่ในทำเลทอง !!!

ติดต่อเรา

หรือสนใจสอบถาม  โกดังเก็บสินค้าของ  bkkwarehouse
โทร 089 768 5205

LINE ID : @bkkwarehouse

https://lin.ee/5CuTpWq

คิวอาร์โค้ด บีเคเค

Top