หม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟส สำคัญในระบบไฟฟ้าอุตสาหกรรมอย่างไร
เลือกอ่านตามหัวข้อ |
หลักการทำงานของ หม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟส
หม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟส ทำงานโดยใช้การเหนี่ยวนำซึ่งกันและกัน (Mutual Inductance) โดยการแปลงแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าจากระดับหนึ่งไปยังระดับอื่น โดยทั่วไป ในแกนหม้อแปลงจะมีขดลวดอยู่ 2 ชุด สำหรับแต่ละเฟส ที่เรียกว่า “ขดลวดปฐมภูมิ” (Primary Winding) ทำหน้าที่รับแรงเคลื่อนไฟฟ้า และ “ขดลวดทุติยภูมิ” (Secondary Winding) ทำหน้าที่จ่ายแรงเคลื่อนไฟฟ้า เมื่อมีการสลับแรงดันไฟฟ้าระหว่างขดลวดจะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าที่มีค่าและความถี่เท่ากันในแต่ละเฟส แรงดันและกระแสไฟฟ้าจะถูกแปลงและส่งออกจากสายเฟสหลักไปยังสายเฟสรอง เพื่อให้สามารถนำไปใช้งานในแต่ละสถานที่และการใช้งานต่างๆได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย สำหรับ โรงงานอุตสาหกรรม,คลังสินค้า,อาคารขนาดใหญ่ต่างๆ ที่มีการใช้งานพลังงานที่สูงมากๆ
โครงสร้างของ หม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟส
โครงสร้างของหม้อแปลง จะประกอบด้วยแกนเหล็กกับขดลวด โดยทั่วไปแกนเหล็กของหม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟสก็เป็นแบบคอร์ (Iron Core) และแบบเชลล์ (Shell Type) ทำหน้าที่เป็นทางเดินสนามแม่เหล็กไฟฟ้าและให้ขดลวดพันรอบแกนเหล็ก
- หมายเลข 1 จะเป็นแกนเหล็กของหม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟสแบบคอร์ (Iron Core) ขดลวดจะพัน
ล้อมรอบแกนเหล็กโดยมีขดลวดปฐมภูมิและทุติยภูมิจะพันไว้ด้านละครึ่งขด - หมายเลข 2 จะเป็นแกนเหล็กของหม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟสแบบเชลล์ (Shell Type) แกนเหล็กจะล้อมรอบขดลวดโดยมีขดลวดปฐมภูมิและทุติยภูมิพันอยู่ที่แกนกลางของแกนเหล็ก
ประเภทของ หม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟส
- หม้อแปลงไฟฟ้าแบบน้ำมัน (Oil-Immersed Transformer): ประเภทนี้คือหม้อแปลงที่มีช่องเก็บน้ำมันภายในเพื่อระบายความร้อนและทำหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน น้ำมันมักใช้เป็นตัวหุ้มครอบให้แกนหลักและหมวดหมู่แม่เหล็ก หม้อแปลงแบบน้ำมันมักถูกใช้ในการจ่ายไฟฟ้าในอาคารขนาดใหญ่และโรงงาน
- หม้อแปลงไฟฟ้าแบบแห้ง (Dry-Type Transformer): ประเภทนี้ไม่มีน้ำมันในช่องเก็บ แทนที่จะใช้วัสดุฉนวนที่เป็นพลาสติกหรือเซรามิกที่ใช้ในการรักษาความเย็น หม้อแปลงแบบแห้งมักใช้ในที่ที่ความปลอดภัยและการบำรุงรักษาเป็นสิ่งสำคัญ เช่น อาคารพาณิชย์และโรงงาน
- หม้อแปลงไฟฟ้าแบบติดแผ่น (Pad-Mounted Transformer): คืออุปกรณ์ในระบบไฟฟ้าที่ใช้ในการแปลงระดับแรงดันไฟฟ้าจากระดับสูงให้กลายเป็นระดับต่ำ ซึ่งมักถูกติดตั้งบนพื้นหรือฐานที่เป็นแผ่น และมักใช้ในการจ่ายไฟไปยังอาคารหรือพื้นที่ที่ต้องการการจ่ายไฟเป็นระยะไกล เช่น พื้นที่ที่ไม่สะดวกในการติดตั้ง เช่น บ่อดินหรือห้องแปลงไฟฟ้าแบบอื่น ๆ
- หม้อแปลงไฟฟ้าแบบตู้ (Unit Substation Transformer): ประเภทนี้เป็นหม้อแปลงที่รวมอยู่ในตู้เดียวกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น สวิตช์เบรกเกอร์ และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการใช้งานในสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัด
- หม้อแปลงไฟฟ้าแบบปรับแรงดัน (Auto-Transformer): ประเภทนี้ใช้เพื่อปรับแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่ต้องการ โดยมีแค่หนึ่งหมวดหมู่แม่เหล็ก และสามารถทำหน้าที่แปลงแรงดันจากระดับหนึ่งไปยังระดับอื่นได้
หม้อแปลงประเภทเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยของประเภทของหม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟสที่มีอยู่ ความต้องการและเงื่อนไขการใช้งานจะอยู่ที่ความเหมาะสมของแต่ละสถานที่
ระยะเวลาการทำงาน หม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟส
การทำงานของหม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟสสามารถแบ่งออกเป็น2ประเภทหลัก ดังนี้
- ระยะเวลาการทำงานขณะที่ใช้งานปกติ (Normal Operating Time) หม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟส ที่ใช้ในการจ่ายไฟฟ้าในอาคารหรือโรงงานมักมีเวลาการทำงานปกติที่เป็นเวลาสั้น ๆ และมักจะไม่มีการหยุดทำงานหรือเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน จะแตกต่างกับหม้อแปลงที่ใช้ในสถานีไฟฟ้า (Substation) อาจมีระยะเวลาการทำงานที่ยาวนานกว่าโดยระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับการจ่ายไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น การใช้งานปกติหม้อแปลงจะทำหน้าที่แปลงแรงดันและกระแสไฟฟ้าให้เหมาะสมกับความต้องการของระบบไฟฟ้าภายในอาคาร เพื่อรองรับโหลดไฟฟ้าในระบบเพิ่มขึ้นหรือในกรณีที่ระบบไฟฟ้าเกิดความผิดปกติ
- ระยะเวลาการทำงานในระยะยาว (Long-Term Operation) หม้อแปลงไฟฟ้าสามารถทำงานในระยะยาวๆ หรืออาจใช้งานตลอดเวลาโดยไม่หยุด ระยะเวลาการทำงานในระยะยาวนี้อาจเป็นเดือน ปี หรือจะตลอดอายุการใช้งานของหม้อแปลง ซึ่งหม้อแปลงที่ใช้ในสถานีไฟฟ้า หรือ ระบบไฟฟ้าในเมือง, โรงงาน, สถานพยาบาล, ที่ต้องการการจ่ายไฟฟ้าแบบต่อเนื่อง จะมีระยะเวลาการทำงานได้ยาวนานกว่าใช้งานแบบปกติ หม้อแปลงจะทำงานเป็นเครื่องมือสำคัญในการแปลงแรงดันและกระแสไฟฟ้าเพื่อให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและเสถียรอยู่ตลอดเวลา
ความปลอดภัยในการใช้งาน
ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญมากในการใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟส เนื่องจากหม้อแปลงไฟฟ้ามีความสำคัญในการจัดการไฟฟ้าในระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่ ดังนั้น ควรใส่ใจในเรื่องของความปลอดภัยอย่างสูงสุด เพื่อป้องกันอันตรายและเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ นี่คือบางเหตุผลและขั้นตอนเพื่อให้การใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟสมีความปลอดภัยต่อตัวของคุณ
- ตรวจสอบสภาพของหม้อแปลง: ควรตรวจสอบสภาพของหม้อแปลงอย่างเป็นระยะ ๆ เพื่อระบุว่ามีสภาพที่ปลอดภัยและใช้งานได้ตามปกติ ไม่มีสัญญาณบ่อยเบี่ยงว่าหม้อแปลงอาจมีปัญหาหรือการเสื่อมสภาพ
- ตรวจสอบระดับน้ำมัน (หากใช้หม้อแปลงแบบน้ำมัน): หม้อแปลงแบบน้ำมันต้องมีระดับน้ำมันที่ถูกต้องเพื่อให้การระบายความร้อนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อป้องกันการรั่วไฟฟ้าหรือเหตุการณ์อันตรายอื่น ๆ
- การระบายความร้อนและการระบายความเสียหาย: หม้อแปลงจะต้องมีระบบระบายความร้อนที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดความร้อนเกินกว่าที่อนุญาต และควรตรวจสอบว่าระบบระบายความร้อนยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การตรวจสอบความปลอดภัยของขั้วต่อและอุปกรณ์ความปลอดภัย: ต้องมีการตรวจสอบว่าขั้วต่อและอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น สวิตช์ และตู้ควบคุม เป็นไปตามมาตรฐานและใช้งานได้อย่างถูกต้อง
- การป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต: ควรมีการป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตด้วย เช่น การใช้กุญแจหรือระบบล็อค เพื่อป้องกันการเข้าถึงจากบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต
- การสังเกตเหตุการณ์ไม่ปกติ: หากมีเหตุการณ์ไม่ปกติ เช่น น้ำมันรั่วหรือเสียงดังจากหม้อแปลง ควรหยุดการทำงานและตรวจสอบสาเหตุ และทำความเข้าใจก่อนที่จะทำงานต่อ
ความปลอดภัยในการใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันอันตรายและเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การปฏิบัติตามมาตรฐานและคำแนะนำที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างเสถียรและปลอดภัย
การดูแลรักษาหม้อแปลงไฟฟ้า
ก่อนที่จะเริ่มทำความสะอาจควรปิดหม้อแปลงและตัดกระแสไฟฟ้าให้เรียบร้อยก่อน และขั้นตอนถัดไปตรวจสอบให้แน่ใจว่าหม้อแปลงไฟฟ้าถูกปิดและกระแสไฟฟ้าถูกตัดเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นค่อยดำเนินการทำความสะอาดภายนอกและภายในของหม้อแปลง หลังจากทำความสะอาจเสร็จสิ้นแล้ว ควรตรวจสอบความเรียบร้อยส่วนประกอบต่างๆที่เชื่อมต่อกับหม้อแปลง เช่น สวิตช์ และสายไฟ ความแน่นของสกรู เช็คให้เรียบร้อยว่าไม่มีจุดไหนที่ชำรุด นอกจากนี้ควรตรวจสอบ ระดับน้ำมัน(หากใช้หม้อแปลงแบบน้ำมัน) หรือ การทำงานของระบบป้องกันความร้อนเกินและอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการทำงาน และยืดอายุการใช้งานของตัวหม้อแปลง
การเลือก หม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟส ที่เหมาะสมต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับความต้องการของระบบไฟฟ้าและสภาพแวดล้อม เช่น อาคารภายในหรือกลางแจ้ง มีสภาพอากาศหรือสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเลือกหม้อแปลงไฟฟ้าที่เหมาะสมอย่างไรเพื่อความเหมาะสมของสถานที่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านไฟฟ้าหรือวิศวกรระบบไฟฟ้าเพื่อขอคำแนะนำและคำปรึกในการติดตั้งให้กับอาคารอุตสาหกรรมของคุณ