เทคนิคเลือก ไฟโรงงาน อย่างไรให้สว่างมาตรฐานพอดี ถูกหลักสากล

เทคนิคเลือก ไฟโรงงาน อย่างไรให้สว่างมาตรฐานพอดี ถูกหลักสากล

ไฟโรงงาน แสงสว่างในโรงงาน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อทั้งประสิทธิภาพการทำงานและความปลอดภัยของพนักงาน หากแสงไม่เพียงพอหรือจัดวางไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดความผิดพลาดและเพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้ ดังนั้น การออกแบบระบบไฟส่องสว่างให้สอดคล้องกับ ค่าแสงสว่างตามมาตรฐาน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ผู้ประกอบการควรใส่ใจในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการทำงาน ช่วยให้พนักงานมองเห็นได้ชัดเจน ลดข้อผิดพลาดในการหยิบจับสินค้า และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงหลักการใช้แสงสว่างในโรงงานอย่างถูกวิธี พร้อมเทคนิคในการเลือกไฟให้เหมาะกับพื้นที่ เพื่อให้โรงงานของคุณได้ค่าแสงที่ดีทั้งในด้านมาตรฐานและการใช้งานจริง

การเลือกหลอดไฟ ให้ได้ค่าแสงสว่างมาตรฐาน ไฟโรงงาน

โกดังอุตสาหกรรม หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ Warehouse คือพื้นที่สารพัดประโยชน์ที่ใช้ทั้งเก็บของ วัสดุ และสินค้าจากกระบวนการผลิตต่างๆ โดยปกติโกดังแบบนี้จะมีเพดานสูงราว 10-20 เมตร และมีการใช้ไฟฟ้าสูงถึง 18,000–25,000 หน่วยต่อเดือน คิดเป็นค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 72,000–100,000 บาทเลยทีเดียว ดังนั้นการเลือกใช้หลอดไฟที่ให้แสงสว่าง ไฟโรงงาน ได้เหมาะกับพื้นที่คลังสินค้าจึงสำคัญมาก ไม่ใช่แค่ช่วยให้พนักงานทำงานได้ปลอดภัยขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าไฟฟ้าโรงงานลงได้แบบเห็นผล

การเลือกหลอดไฟ สำหรับคลังสินค้า และ โรงงานอุตสาหกรรม

การเลือกหลอดไฟสำหรับคลังสินค้า หรือ ไฟโรงงาน ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะหลอดไฟแต่ละประเภทต่างมีข้อดีข้อเสียที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของสินค้าในคลัง ขนาดพื้นที่ใช้งาน หรือแม้แต่ความสูงของชั้นวาง การรู้จักเทคนิคการเลือกแสงสว่างที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานภายในคลังสินค้าของคุณได้อย่างมาก

ประเภทของหลอดไฟ ที่ใช้ใน โรงงาน คลังสินค้า

การเลือกประเภทหลอดไฟและค่าความสว่างที่ได้มาตรฐาน ไม่เพียงช่วยให้พื้นที่ในคลังสินค้าและโรงงานมีแสงสว่างเพียงพอ แต่ยังช่วยประหยัดพลังงาน ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า รวมถึงลดภาระการบำรุงรักษาในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยทั่วไปแล้ว หลอดไฟที่นิยมใช้ในพื้นที่เหล่านี้มี 2 ประเภทหลัก คือ

  • หลอดคายประจุความเข้มสูง (HID) ซึ่งมีหลายรุ่นและหลายอุณหภูมิสี โดยค่าความต่างของแสง (Color Temperature) จะวัดในหน่วย “เคลวิน (K)”

  • หลอด LED ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติประหยัดพลังงาน อายุการใช้งานยาวนาน และให้แสงสว่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ ยังมีหลอดไฟประเภทอื่น ๆ ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับการใช้งานในคลังสินค้าและโรงงานอีกด้วย เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการด้านความสว่าง ความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด

1) หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent lamps)

ค่าอุณหภูมิของแสง อยู่ที่ประมาณ 3000K , 4000K และ 6500K มีทั้งแบบ สีเหลืองอมส้ม (WARMWHITE) ,ขาวเย็น (COOLWHITE) ,สีธรรมชาติ (DAYLIGHT)

หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent lamps) ค่าอุณหภูมิของแสง อยู่ที่ประมาณ 3000K , 4000K และ 6500K

หลอดฟลูออเรสเซนต์ ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่มองหาแสงสว่างที่ประหยัดพลังงานและกระจายแสงได้อย่างทั่วถึง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น คลังสินค้า โรงงานที่มีเพดานสูง ลานจอดรถในอาคาร หรือโถงทางเดินต่าง ๆ แม้จะมีข้อดีด้านประสิทธิภาพและต้นทุน แต่หลอดไฟชนิดนี้ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น การใช้เวลาสักครู่ในการเปิดให้สว่างเต็มที่ และอายุการใช้งานที่สั้นกว่าหลอดไฟบางประเภทในตลาดปัจจุบัน

2) หลอดเมทัลฮาไลด์ (Metal Halide lamps)

ค่าอุณหภูมิของแสง อยู่ที่ประมาณ 4000K ถึง 4500K ซึ่ง มีสี ขาวเย็น (COOLWHITE)

หลอดเมทัลฮาไลด์ (Metal Halide lamps) ค่าอุณหภูมิของแสง อยู่ที่ประมาณ 4000K ถึง 4500K ซึ่งมีสีขาว

หลอดเมทัลฮาไลด์ ถือเป็นทางเลือกที่โดดเด่นในการให้แสงสว่าง ด้วยความสว่างที่มากกว่าและอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีเพดานสูง เช่น คลังสินค้า แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่หลอดประเภทนี้ก็ใช้พลังงานมากกว่า และอาจสร้างแสงจ้าที่รบกวนสายตาได้ในบางสถานการณ์

3) หลอดโซเดียมแรงดันสูง (High-pressure sodium lamps)

ค่าอุณหภูมิของแสง อยู่ที่ประมาณ 2000K สีของแสงจะเป็น สีเหลืองอมส้ม (WARMWHITE)

หลอดโซเดียมแรงดันสูงเป็นแหล่งกำเนิดแสงสีเหลืองที่ให้ความสว่างสูงและมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น คลังสินค้าสูง พื้นที่อุตสาหกรรม ถนน และบริเวณกลางแจ้ง อย่างไรก็ตาม แม้จะให้แสงสว่างได้ดี แต่หลอดชนิดนี้มีค่าการแสดงสี (CRI) ต่ำ ทำให้การแยกแยะสีของวัตถุอาจไม่ชัดเจนนัก

หลอดโซเดียมแรงดันสูง (High-pressure sodium lamps) ค่าอุณหภูมิของแสง อยู่ที่ประมาณ 2000K สีของแสงจะเป็น สีขาวอบอุ่น (Warm white)
  • หลอดฟลูออเรสเซนต์มีข้อจำกัดในด้านการทำงานเมื่อเผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้ว เช่น บริเวณที่อุณหภูมิหนาวจัดหรือร้อนจัด ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานและอายุของหลอดโดยตรง นอกจากนี้ การเปิด–ปิดบ่อยครั้งยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เร่งการเสื่อมสภาพของหลอดชนิดนี้
  • หลอด LED ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานสูง ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลอด LED ได้รับความนิยมในการติดตั้งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จุดเด่นของหลอดชนิดนี้คืออายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 100,000 ชั่วโมง และความสามารถในการทำงานได้ดีในสภาพอากาศเย็น อย่างไรก็ตาม หากอุณหภูมิแวดล้อมสูงเกิน 26.7 องศาเซลเซียส (หรือ 80 องศาฟาเรนไฮต์) อาจส่งผลให้ความสว่างและอายุการใช้งานลดลง แม้กระนั้น หลอด LED ยังคงเป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดแสงที่คุ้มค่าที่สุด ทั้งในด้านการประหยัดพลังงาน ความทนทาน และคุณภาพแสงที่สว่างคมชัด พร้อมทั้งรองรับการหรี่แสงเพื่อยืดอายุการใช้งานและประหยัดค่าไฟ เหมาะสำหรับการใช้งานในคลังสินค้าทุกขนาด

ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกหลอดไฟสำหรับคลังสินค้า

การเลือกหลอดไฟที่เหมาะสมสำหรับคลังสินค้าไม่เพียงแค่คำนึงถึงความสว่างเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนี้

  • ประเภทของสินค้าที่จัดเก็บ สินค้าบางประเภทอาจไวต่อแสง โดยเฉพาะแสง UV เช่น ยา อาหาร หรือผลิตภัณฑ์ที่ไวต่อความร้อน ซึ่งจำเป็นต้องเลือกหลอดไฟที่ปล่อยแสง UV ต่ำ เพื่อลดความเสี่ยงต่อคุณภาพของสินค้า

  • ขนาดของคลังสินค้า ขนาดพื้นที่โดยรวมมีผลต่อจำนวนและประเภทของหลอดไฟที่ต้องใช้ พื้นที่ขนาดใหญ่ต้องการระบบแสงสว่างที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้แน่ใจว่าแสงกระจายทั่วถึงทุกจุด

  • ความสูงของชั้นวางสินค้า ความสูงของชั้นวางส่งผลต่อมุมตกกระทบของแสง รวมถึงระดับความสว่างที่จำเป็น หลอดไฟที่เลือกควรสามารถให้แสงได้อย่างทั่วถึงแม้ในพื้นที่ที่มีชั้นวางสูง

  • งบประมาณ ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและการบำรุงรักษาเป็นสิ่งที่ต้องวางแผนให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มี โดยควรเลือกหลอดไฟที่ให้ความคุ้มค่าในระยะยาว ทั้งในด้านคุณภาพและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา

  • ความต้องการด้านพลังงาน หลอดไฟที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานสูงจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ จึงควรเลือกเทคโนโลยีที่เน้นการประหยัดพลังงาน เช่น LED ซึ่งตอบโจทย์ทั้งในด้านค่าไฟและอายุการใช้งาน

การเลือกอุณหภูมิและสีของแสง

แสงวอร์มไวท์ (Warm White) ซึ่งให้สีโทนอุ่น มีอุณหภูมิสีอยู่ระหว่าง 2,000 – 3,000 เคลวิน โดยแสงสีนี้จะมีลักษณะเป็นสีเหลืองเข้มถึงสีส้ม

ขอขอบคุณ รูปภาพประกอบจาก : ไทวัสดุ

เพื่อเสริมสร้างการมองเห็นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แนะนำให้ใช้แสงที่มีอุณหภูมิสีระหว่าง 4000K ถึง 5000K ซึ่งอยู่ในช่วงของแสงสีขาวนวล เช่น สีขาวเย็น (Cool White) และแสงธรรมชาติ (Daylight) แสงในช่วงนี้ไม่เพียงช่วยลดอาการล้าทางสายตา แต่ยังสร้างบรรยากาศการทำงานที่สบายและเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคลังสินค้า

การเลือกประเภทการกระจายแสง

การกระจายแสง มี2 แบบ คือแบบ I หรือ V การใช้งานขึ้นอยู่กับเลย์เอาต์ของโรงงาน

  • สำหรับพื้นที่ที่มีชั้นวางของสูง ควรเลือกใช้การกระจายแสงแบบ I ซึ่งมีลักษณะเป็นลำแสงแคบแต่ทอดยาว โดยแสงจะพุ่งออกในแนวที่ตั้งฉากกับตัวโคมไฟ ช่วยให้แสงสว่างเข้าถึงพื้นที่แคบระหว่างชั้นวางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ในพื้นที่เปิดโล่ง ควรใช้การกระจายแสงแบบ V ซึ่งให้แสงกว้างรอบทิศทาง ลักษณะการเปล่งแสงแบบนี้เหมาะสำหรับการให้ความสว่างครอบคลุมทั่วพื้นที่ในมุม 360 องศา ทำให้พื้นที่ดูโปร่งและสว่างอย่างทั่วถึง

การวางตำแหน่งและกระจายหลอดไฟ

การจัดวางตำแหน่งและกระจายแสงจากหลอดไฟอย่างเป็นระบบเป็นสิ่งสำคัญ ไฟโรงงาน มีบทบาทสำคัญในการสร้างแสงสว่างที่ทั่วถึง ลดปัญหาแสงสะท้อนและเงามืดที่อาจรบกวนสายตาหรือก่อให้เกิดอุบัติเหตุ การออกแบบแสงที่ดีควรคำนึงถึงระยะห่างระหว่างโคมไฟ ความสูงในการติดตั้ง และประเภทของโคมไฟที่เหมาะสมกับลักษณะของงานและพื้นที่ใช้งาน ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ยังส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานและยกระดับความปลอดภัยของพนักงานอีกด้วย

การวางตำแหน่งและกระจายหลอดไฟ

1. ระยะห่างของโคมไฟ

  • การจัดวางระยะห่างของโคมไฟควรพิจารณาอย่างพิถีพิถัน เพราะหากติดตั้งโคมไฟไว้ใกล้กันเกินไป แสงจากแต่ละดวงอาจทับซ้อนกันจนเกิดความสว่างจ้าจนเกินพอดีในบางจุด ซึ่งอาจรบกวนสายตาและบั่นทอนความสบายในการใช้งานพื้นที่นั้น ๆ
  • ในทางกลับกัน หากเว้นระยะห่างระหว่างโคมไฟมากเกินไป แสงสว่างที่ปล่อยออกมาจะไม่ต่อเนื่องกัน ทำให้บางบริเวณเกิดความมืดหรือแสงไม่เพียงพอ ส่งผลให้บรรยากาศโดยรวมดูไม่สม่ำเสมอและขาดความสมดุล

2. การกระจายแสง

  • เลือกใช้หลอดไฟที่สามารถกระจายแสงได้กว้าง เพื่อให้แสงสว่างครอบคลุมพื้นที่โดยรอบได้อย่างทั่วถึง ช่วยลดจุดอับแสงและเงามืดที่รบกวนสายตา
  • การเลือกใช้โคมไฟที่ออกแบบมาให้สะท้อนแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้แสงกระจายอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งพื้นที่ และลดแสงสะท้อนที่อาจรบกวนการมองเห็น

3. ความสูงของการติดตั้ง

  • เลือกหลอดไฟที่สามารถกระจายแสงได้อย่างกว้างขวาง เพื่อให้แสงสว่างครอบคลุมพื้นที่โดยรอบอย่างทั่วถึง ช่วยลดจุดอับแสงและเงามืดในบริเวณต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การติดตั้งโคมไฟที่ออกแบบมาเพื่อสะท้อนแสงได้ดี จะช่วยให้แสงกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอทั่วพื้นที่ และยังลดปัญหาแสงสะท้อนรบกวนสายตา เพิ่มความสบายในการใช้งานในระยะยาว

4. การใช้โคมไฟประเภทต่างๆ

  • เลือกใช้โคมไฟหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟเพดาน โคมไฟตั้งพื้น หรือโคมไฟแขวน ให้เหมาะสมกับลักษณะของพื้นที่และการใช้งาน เพื่อกระจายแสงสว่างได้อย่างทั่วถึงทุกมุมในคลังสินค้าและโรงงาน

5. การควบคุมแสง

  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้วยระบบควบคุมแสงอัตโนมัติ ที่ปรับความสว่างได้อย่างชาญฉลาดผ่านเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวหรือระดับแสง เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละสถานการณ์ พร้อมช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่ลดทอนความสะดวกสบาย

โกดังเก็บของ เก็บสินค้า ให้เช่าในราคาถูก ราคารวมภาษีทุกอย่าง ทำให้สามารถลดต้นทุนของลูกค้าได้

ยูนิตว่าง พร้อมให้เช่า คลิ๊กดูโครงการได้ที่นี่

ที่สำคัญโกดังให้เช่า ตั้งอยู่ในทำเลทองหรือสนใจสอบถาม โกดังเก็บสินค้าของ bkkwarehouse

Hotline : 089-768-5205 / 063-829-6219  Telephone : 0-2394-5409

LINE ID : @bkkwarehouse
https://lin.ee/5CuTpWq