ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สำหรับโรงงานและโกดังสินค้า เรื่องที่ผู้ประกอบการต้องรู้

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และการยกเลิก ภาษีโรงเรือน สำหรับโรงงานและโกดังสินค้า เรื่องที่ผู้ประกอบการต้องรู้

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “ภาษีที่ดิน” เป็นภาษีที่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ต้องชำระให้ภาครัฐเป็นรายปี โดยคำนวณจากมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เช่น บ้าน อาคาร โรงงาน และโกดังสินค้า หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดเก็บภาษี ได้แก่ เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา

ภาษีนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2562 และเริ่มจัดเก็บตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นมา โดยมาแทนที่ “ภาษีโรงเรือนและที่ดิน” และ “ภาษีบำรุงท้องที่” ซึ่งถูกยกเลิกเพื่อลดความซ้ำซ้อน บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับโรงงานและคลังสินค้าโดยเฉพาะ ตั้งแต่วิธีคำนวณภาษี ขั้นตอนการชำระเงิน และข้อกฎหมายที่ต้องรู้ เพื่อช่วยให้เจ้าของกิจการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง หลีกเลี่ยงค่าปรับ และลดความเสี่ยงทางกฎหมาย

 

สารบัญ

1. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีความหมายอย่างไร

2. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สำหรับโรงงานและโกดังคลังสินค้า

3. ต้องชำระ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ไหนและเมื่อไร

4. วิธีการคำนวณ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีความหมายอย่างไร

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (Building and Land Tax) คือภาษีที่เรียกเก็บจากเจ้าของที่ดินและอาคาร เช่น หอพัก โรงเรียน ธนาคาร โรงพยาบาล และสถานประกอบการต่าง ๆ โดยหน่วยงานรัฐหรือเทศบาลท้องถิ่น เพื่อนำไปใช้พัฒนาสาธารณูปโภค เช่น การศึกษา การสาธารณสุข และบริการสาธารณะอื่น ๆ การคำนวณภาษีจะพิจารณาจากมูลค่าทรัพย์สิน สถานที่ตั้ง ขนาด และการใช้ประโยชน์ของที่ดินหรืออาคาร หากเป็นบ้านพักอาศัยของเจ้าของเองหรือทรัพย์สินที่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมาย จะได้รับการยกเว้นภาษีบางส่วนหรือทั้งหมด

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีความหมายว่าอย่างไร

ผู้เสียภาษี

เจ้าของที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง หรือผู้ครอบครองทรัพย์สินของรัฐ มีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล หากถือครองที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ณ วันที่ 1 มกราคม ของปีนั้น ก็ต้องชำระภาษีสำหรับปีนั้นโดยอัตโนมัติ กรณีที่เจ้าของที่ดินและเจ้าของสิ่งปลูกสร้างเป็นคนละคน เจ้าของที่ดินต้องเสียภาษีเฉพาะมูลค่าที่ดิน ส่วน เจ้าของสิ่งปลูกสร้างต้องเสียภาษีตามมูลค่าของสิ่งปลูกสร้าง

ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ต้องเสียภาษี

ที่ดิน บ้าน อาคาร และห้องชุด ต้องเสีย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยคำนวณจากมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งแบ่งเป็น 3 ประเภทหลักดังนี้

  • ที่ดิน คิดจาก ราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน
  • สิ่งปลูกสร้าง เช่น บ้าน อาคาร คิดจาก ราคาประเมินทุนทรัพย์สิ่งปลูกสร้าง
  • ห้องชุด (คอนโด) คิดจาก ราคาประเมินทุนทรัพย์ห้องชุด

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่ประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงอัตราภาษีและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในแต่ละปี โดยต้องประกาศ ณ สำนักงานหรือที่ทำการขององค์กรก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ ราคาประเมินทุนทรัพย์จะใช้ราคาเดียวกับกรมที่ดิน แต่หากไม่มีการประเมิน จะใช้หลักเกณฑ์ที่กระทรวงกำหนด ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอประกาศ

สำหรับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะคำนวณเฉพาะมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไม่รวมทรัพย์สินอื่น เช่น กรณีโรงงาน จะคำนวณจากที่ดินและอาคารเท่านั้น โดยไม่รวมเครื่องจักรหรืออุปกรณ์อื่น ๆ

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สำหรับโรงงานและโกดังคลังสินค้า

จะเป็นประเภทที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่นๆที่ในเชิงพาณิชย์ เช่น โรงงาน โกดัง คลังสินค้า โชว์รูม อาคารสำนักงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร เป็นต้น ที่เป็นอุตสาหกรรมหรือการจัดเก็บโดยเฉพาะ โดยทั่วไป ภาษีนี้เรียกเก็บโดยรัฐบาลท้องถิ่นหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างรายได้สำหรับบริการสาธารณะและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจำนวนภาษีจะคำนวณจากมูลค่าประเมินของที่ดินและอาคาร โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น สถานที่ตั้ง ขนาด คุณภาพการก่อสร้าง และมูลค่าตลาดปัจจุบัน

สำหรับที่ดินหรืออาคารที่ใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เช่น โรงงาน โกดัง คลังสินค้า โชว์รูม อาคารสำนักงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร เป็นต้น จะถูกเรียกเก็บโดยรัฐบาลท้องถิ่นหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นรายได้ในการพัฒนาบริการสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐาน การคำนวณภาษีจะพิจารณาจากมูลค่าประเมินของที่ดินและอาคาร โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ทำเล ขนาด คุณภาพการก่อสร้าง และมูลค่าตลาดในปัจจุบัน

อัตรา ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สำหรับโรงงานและโกดังคลังสินค้า

อัตราภาษีใน 2 ปีแรก คือปี พ.ศ. 2563 และ 2564 มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นโรงงานและโกดังคลังสินค้าหรือประเภทอื่นๆนั้น

  • มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท คิดอัตราภาษี  0.3 %
  • มูลค่า  50 – 200 ล้านบาท คิดอัตราภาษี  0.4 %
  • มูลค่า  200-1,000 ล้านบาท คิดอัตราภาษี  0.5 %
  • มูลค่า  1,000- 5,000 ล้านบาท คิดอัตราภาษี  0.6 %
  • มูลค่า  5,000 ล้านบาทขึ้นไป  คิดอัตราภาษี  0.7 %

ส่วนอัตราภาษี หลังตั้งแต่พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นโรงงานและโกดังคลังสินค้าหรือประเภทอื่นๆนั้น

  • จะไม่จำกัดมูลค่า  0 – ∞ (ไม่จำกัดมูลค่า) คิดอัตราภาษีไม่เกิน 1.2%

ต้องชำระ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ไหนและเมื่อไร

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นภาษีที่กำหนดให้เจ้าของที่ดิน อาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างต้องชำระให้กับหน่วยงานท้องถิ่น เช่น เทศบาลหรือ สำนักงานเขต ที่ทรัพย์สินตั้งอยู่ การจัดเก็บภาษีนี้มีขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยผู้ถือครองทรัพย์สินมีหน้าที่ชำระภายในช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งปกติจะอยู่ระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี การชำระภาษีอย่างตรงเวลาช่วยป้องกันค่าปรับหรือบทลงโทษทางกฎหมาย อัตราภาษีจะพิจารณาจากประเภทของทรัพย์สิน ทำเลที่ตั้ง และมูลค่าประเมินในปีปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น หากมีการให้เช่าที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่าน

ปัจจุบัน หน่วยงานท้องถิ่นได้พัฒนาช่องทางการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยสามารถดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ เช่น แอปพลิเคชันของธนาคาร เว็บไซต์ทางการของหน่วยงาน หรือการชำระผ่านตู้ ATM รวมถึงบริการส่งเอกสารการชำระเงินทางไปรษณีย์ ซึ่งช่วยลดภาระด้านเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ต้องการดำเนินการด้วยตนเอง ยังสามารถชำระภาษีได้ที่สำนักงานเขตหรือศูนย์บริการที่กำหนดตามความสะดวก

 

ตัวอย่างแบบบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ตัวอย่างแบบบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

แบบประเมินจะประกอบด้วยเอกสารสำคัญดังต่อไปนี้

  • รายการที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในขอบเขตการประเมิน
  • เอกสารแสดงรายละเอียดการคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
  • หนังสือสรุปยอดภาษีที่ต้องชำระ พร้อมช่องทางและกำหนดเวลาการชำระภาษี
  • ข้อมูลสถานที่ติดต่อ ชื่อเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ และขั้นตอนการอุทธรณ์ในกรณีมีข้อโต้แย้ง

ตัวอย่างแบบใบแจ้งการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

วิธีการคำนวณ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

คุณสามารถตรวจสอบความถูกต้องของใบแจ้งการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้ โดยพิจารณาตัวอย่างใบแจ้งด้านล่าง พร้อมทำความเข้าใจวิธีการคำนวณตามหมายเลขที่กำกับไว้ดังนี้

ตัวอย่างแบบแสดงรายการคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ตัวอย่างแบบแสดงรายการคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

หมายเลข 1 ตรวจสอบหมายเลขโฉนดที่ดินให้ตรงกับเอกสารที่คุณครอบครอง เพื่อป้องกันความผิดพลาดและยืนยันความเป็นเจ้าของที่แท้จริง

หมายเลข 2 แสดงถึงประเภทของการใช้ประโยชน์จากที่ดิน ในกรณีตัวอย่างคือ (เลข 3) ซึ่งหมายถึงการใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่น ๆ หากเป็น (เลข 1) จะระบุว่าใช้เพื่อเกษตรกรรม, (เลข 2) หมายถึงที่อยู่อาศัย, (เลข 4) บ่งบอกว่าที่ดินยังว่างเปล่าไม่มีการใช้ประโยชน์, และ (เลข 5) แสดงว่ามีการใช้ประโยชน์หลากหลายรูปแบบ

หมายเลข 3 ยืนยันขนาดที่ดินให้ตรงกับโฉนด ตรวจสอบพื้นที่จริงของที่ดินว่าเป็นไปตามขนาดและขอบเขตที่ระบุในโฉนดหรือไม่ โดยสามารถวัดพื้นที่ด้วยอุปกรณ์ที่แม่นยำ หรือให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจส่งผลต่อการใช้ประโยชน์ในอนาคต

หมายเลข 4 ตรวจสอบการคำนวณเป็นตารางวา โดยมีวิธีการดังนี้

1 ไร่      เท่ากับ    400  ตารางวา

1 งาน    เท่ากับ    100 ตารางวา

ยกตัวอย่างขนาดขนาดที่ดิน 4 ไร่ 3 งาน 70 ตารางวา จะเท่ากับจำนวนตารางวา

(4 ไร่ x400) + (3 งาน x100)+ 70 = ผลลัพธ์ 1,970 ตารางวา

หมายเลข 5 คุณสามารถตรวจสอบราคาประเมินของที่ดินได้โดยการเข้าไปที่เว็บไซต์ของกรมธนารักษ์ ที่นี่ : http://property.treasury.go.th/pvmwebsite/

เลือกเมนู “ราคาที่ดินจากเลขโฉนด” แล้วกรอกข้อมูลเลขที่โฉนด, หน้าสำรวจ, และจังหวัดที่ที่ดินตั้งอยู่ให้ครบถ้วน หรือหากสะดวก คุณสามารถติดต่อกรมธนารักษ์ทางโทรศัพท์ที่หมายเลข 02-142-2465 ถึง 7 เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับราคาประเมินของที่ดิน ข้อมูลโฉนดและราคาประเมินต่อตารางวา ได้เช่นกัน

หมายเลข 6 การตรวจสอบมูลค่าประเมินของที่ดินโฉนดนี้สามารถทำได้โดยการคำนวณจากพื้นที่ที่เป็นหน่วยตารางวา ซึ่งได้มาจากผลลัพธ์ใน (เลข 4) จากนั้นนำมาคูณกับราคาประเมินของที่ดินต่อตารางวา ที่ได้จากข้อมูลในขั้น (เลข 5) เพื่อหามูลค่ารวมของที่ดินในปัจจุบัน

หมายเลข 7 การตรวจสอบประเภทของสิ่งปลูกสร้างถือเป็นข้อมูลสำคัญที่ต้องระบุไว้ในการประเมินราคา เนื่องจากราคาประเมินจะขึ้นอยู่กับประเภทที่แตกต่างกัน โดยในระบบการประเมินนั้นมีการแบ่งประเภทสิ่งปลูกสร้างออกเป็น 31 ประเภท เช่น บ้านเดี่ยว ตึกแถว สำนักงาน โรงงาน หรือคลังสินค้า ซึ่งแต่ละประเภทจะมีราคาประเมินที่ไม่เหมือนกัน เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากเอกสารที่ทางกรมธนารักษ์ได้จัดทำไว้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้ http://property.treasury.go.th/pvmwebsite/search_data/detail.pdf

ประเภทของสิ่งปลูกสร้างที่เกี่ยวข้องกับโรงงานและโกดังคลังสินค้าสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ “คลังสินค้าพื้นที่ไม่เกิน 300 ตารางเมตร”, “คลังสินค้าพื้นที่มากกว่า 300 ตารางเมตร”, และ “โรงงาน” โดยความแตกต่างของคลังสินค้าและโรงงานมีความชัดเจนตามลักษณะการใช้งานและขนาดของพื้นที่ดังนี้

“คลังสินค้า” (Warehouse) คือ สถานที่ที่ใช้สำหรับเก็บรักษาสินค้าและวัสดุต่างๆ ในช่วงระหว่างกระบวนการขนส่งหรือการใช้งานต่อไป โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดการสินค้าคงคลังและวัตถุดิบที่จำเป็น การเก็บรักษาในคลังสินค้าจะช่วยให้สามารถจัดการสต็อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งรองรับความต้องการที่อาจเกิดขึ้น เช่น การส่งมอบสินค้าหรือการใช้วัสดุในการผลิต

“โรงงาน” คือสถานที่ที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าหรือบริการในปริมาณมาก โดยใช้เครื่องจักร เทคโนโลยี และกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถผลิตได้ตามความต้องการของตลาด เช่น การประกอบชิ้นส่วนหรือการแปรรูปวัตถุดิบ โรงงานจะถูกออกแบบและจัดตั้งเพื่อรองรับการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานที่กำหนด

หมายเลข 8 ตรวจสอบขนาดของพื้นที่อาคารตามที่ระบุในโฉนดที่ดิน เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับขนาดพื้นที่เป็นไปตามจริง โดยแสดงขนาดของอาคารคลังสินค้าในโฉนดในรูปแบบตารางเมตร พร้อมทั้งระบุขนาดพื้นที่จริงของอาคารในหน่วยตารางเมตรที่แท้จริง

หมายเลข 9 สำหรับการตรวจสอบราคาประเมินต่อตารางเมตรของสิ่งปลูกสร้าง สามารถเข้าไปดูข้อมูลได้จากเว็บไซต์ทางการ ซึ่งจะมีข้อมูลราคาที่แตกต่างกันไปตามประเภทและจังหวัดที่ต้องการ

เพื่อดูราคาประเมิน สิ่งปลูกสร้างให้ทำตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

  1. เข้าสู่เว็บไซต์ http://property.treasury.go.th/pvmwebsite/
  2. เลือกเมนู “ราคาประเมินสิ่งปลูกสร้าง”
  3. กำหนดจังหวัดและประเภทของสิ่งปลูกสร้าง เช่น สมุทรปราการ และเลือกประเภทที่ต้องการ เช่น “คลังสินค้าพื้นที่เกินกว่า 300 ตารางเมตร”
  4. กดค้นหา ระบบจะแสดงราคาประเมินสำหรับสิ่งปลูกสร้างที่เลือก เช่น ราคาประเมิน 3,400 บาทต่อตารางเมตร

ด้วยวิธีนี้ คุณจะได้ข้อมูลราคาประเมินที่ตรงตามประเภทและทำเลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว

 

ตัวอย่าง เว็บไซต์ตรวจสอบราคาประเมินต่อตารางเมตรของสิ่งปลูกสร้าง

ตรวจสอบราคาประเมินต่อตารางเมตรของสิ่งปลูกสร้าง

หมายเลข 10 ตรวจสอบมูลค่ารวมของสิ่งปลูกสร้างนี้โดยการคำนวณจาก

ขนาดพื้นที่ของสิ่งปลูกสร้าง (ตามหมายเลข 8) คูณ กับราคาประเมินต่อตารางเมตรของสิ่งปลูกสร้าง (ตามหมายเลข 9)

หมายเลข 11 ในการคำนวณค่าเสื่อมราคาของอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง การตรวจสอบอายุของอาคารเป็นขั้นตอนสำคัญ ตัวอย่างเช่น หากคลังสินค้ามีอายุ 15 ปี การนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการคำนวณค่าเสื่อมจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและสอดคล้องกับสภาพการใช้งานของอาคารในช่วงเวลานั้น ๆ

หมายเลข 12 การคำนวณมูลค่าค่าเสื่อมราคา สามารถทำได้โดยอ้างอิงจากข้อมูลในตารางค่าเสื่อมที่มีอยู่ ซึ่งสามารถดูได้จากเว็บไซต์ที่ให้บริการได้ที่ สามารถดูได้จากตารางลิงค์นี้ http://property.treasury.go.th/pvmwebsite/search_data/deprice.htm

ยกตัวอย่างเช่น อาคารประเภทตึกอายุ 15 ปี ดังนั้นจำนวนร้อยละของค่าเสื่อมจะอยู่ที่ร้อยละ 20

มูลค่าค่าเสื่อม = มูลค่าสิ่งปลูกสร้าง(หมายเลข10) x ค่าเสื่อมร้อยละ 20

หมายเลข 13 ตรวจสอบมูลค่าสิ่งปลูกสร้างตามราคาประเมินหักด้วยค่าเสื่อม

มูลค่าสิ่งปลูกสร้าง(หมายเลข10) – ค่าเสื่อม(หมายเลข12)

หมายเลข 14 ตรวจสอบราคาประเมินรวมของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่หักค่าเสื่อมแล้ว โดยคิดจาก

มูลค่าราคาประเมินของที่ดิน(หมายเลข6) + มูลค่าสิ่งปลูกสร้างตามราคาประเมินหักด้วยค่าเสื่อมแล้ว(หมายเลข13)

หมายเลข 15 คำนวณอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามมูลค่ารวมของทรัพย์สิน หากมูลค่ารวมไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษีที่ใช้จะอยู่ที่ 0.3% สำหรับประเภทต่าง ๆ ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้า

หมายเลข 16 ตรวจสอบจำนวนภาษีที่ต้องชำระ โดยคำนวณได้จาก

ราคาประเมินรวมของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่หักค่าเสื่อมแล้ว(หมายเลข14) X อัตราภาษีร้อยละของภาษี(หมายเลข15)

หลังจากคำนวณ ครบหมดทุกขั้นตอนหมายเลขแล้วจะได้ผลลัพธ์จำนวนภาษีที่ต้องเสียของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามโฉนดนี้หากไม่มีการลดภาษีให้ (= ผลลัพธ์/หน่วยเป็นบาท)

เมื่อคำนวณเสร็จสิ้น สามารถดำเนินการชำระภาษีได้ทันที แต่หากมียอดภาษีที่ต้องชำระเกิน 3,000 บาท จะสามารถขอผ่อนชำระได้ โดยจะต้องยื่นคำร้องขอผ่อนชำระภาษีต่อองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือสำนักงานเขตในพื้นที่นั้นๆ ก่อนที่จะทำการชำระภาษีงวดแรก โดยสามารถแบ่งการชำระได้สูงสุด 3 งวด งวดละเท่าๆ กัน ดังนี้

  • งวดที่ 1 ชำระภายในเดือนเมษายน
  • งวดที่ 2 ชำระภายในเดือนพฤษภาคม
  • งวดที่ 3 ชำระภายในเดือนมิถุนายน

เมื่อการชำระภาษีเสร็จสิ้น คุณจะได้รับใบเสร็จรับเงินจากการชำระภาษี ซึ่งควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดและเก็บรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานในกรณีที่ต้องการใช้ข้อมูลในอนาคต

ตัวอย่างใบเสร็จรับเงินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ตัวอย่างใบเสร็จรับเงินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

การเสีย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อาจดูเหมือนเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ยื่นภาษีครั้งแรก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการตรวจสอบข้อมูลและการคำนวณภาษีให้ถูกต้องก่อนการยื่นเอกสาร เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดในการคำนวณหรือการจัดเตรียมเอกสาร อาจทำให้ต้องเสียภาษีย้อนหลังในอัตราที่สูงขึ้น รวมถึงการโดนเรียกเก็บค่าปรับจากการจ่ายภาษีไม่ครบถ้วนในเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของโรงงานและโกดังคลังสินค้า ซึ่งภาษีที่ต้องชำระอาจสูงกว่าภาษีประเภทอื่น ๆ อย่างมาก

สำหรับเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีคลังสินค้าและโรงงานเป็นของตนเอง การบริหารจัดการภาษีเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากการชำระภาษีที่ถูกต้องและตรงเวลาไม่เพียงแต่ช่วยหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษทางกฎหมาย แต่ยังเป็นการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปอย่างราบรื่น หากเจ้าของโรงงานหรือคลังสินค้าท่านใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับภาษี การขอคำปรึกษาจากหน่วยงานภาษีท้องถิ่นหรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษีจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการชำระภาษีเป็นไปตามกฎหมายและถูกต้องตามระเบียบอย่างครบถ้วน


โกดังเก็บของ เก็บสินค้า ให้เช่าในราคาถูก ราคารวมภาษีทุกอย่าง ทำให้สามารถลดต้นทุนของลูกค้าได้

ยูนิตว่าง พร้อมให้เช่า คลิ๊กดูโครงการได้ที่นี่

ที่สำคัญโกดังให้เช่า ตั้งอยู่ในทำเลทองหรือสนใจสอบถาม โกดังเก็บสินค้าของ bkkwarehouse

Hotline : 089-768-5205 / 063-829-6219  Telephone : 0-2394-5409

LINE ID : @bkkwarehouse
https://lin.ee/5CuTpWq