นิติบุคคล หมายถึง กลุ่มคนหรือองค์กรที่ได้รับการรับรองจากกฎหมายให้มีสถานะเสมือนเป็นบุคคลธรรมดา โดยมีสิทธิและหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติ เช่น การทำสัญญาทางกฎหมาย การถือครองทรัพย์สิน การชำระภาษี รวมถึงการเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ได้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจและกิจกรรมทางการค้าสามารถเป็นไปอย่างสะดวกและเป็นระบบ กฎหมายจึงกำหนดให้มีนิติบุคคลขึ้นมาทำหน้าที่นี้
นิติบุคคล แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
ประเภทของนิติบุคคล แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก โดยแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันในด้านการจัดตั้งองค์กร การดำเนินงาน และระบบการบริหารจัดการ ซึ่งจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้และข้อบังคับตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลในแต่ละประเภท ซึ่งความแตกต่างนี้ส่งผลต่อสถานะทางกฎหมายและความรับผิดชอบของนิติบุคคลอย่างชัดเจน

ประเภทที่ 1 นิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
นิติบุคคลตามกฎหมายเอกชน เป็นสถานะทางกฎหมายที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้กลุ่มบุคคลหรือองค์กรมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายเช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยนิติบุคคลในหมวดนี้แบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ดังนี้

1) บริษัทจำกัด (Limited Company)
บริษัทจำกัด เป็นประเภทของนิติบุคคล ที่จัดตั้งขึ้นโดยมีการแบ่งทุนออกเป็นหุ้น ซึ่งมีมูลค่าเท่ากันทุกหุ้น โดยผู้ถือหุ้นในบริษัทจำกัดจะมีความรับผิดชอบต่อหนี้สินและภาระผูกพันของบริษัท เฉพาะในส่วนของจำนวนเงินค่าหุ้นที่ตนได้ตกลงซื้อไว้ แต่ยังชำระไม่ครบเท่านั้น กล่าวคือ ความรับผิดจะจำกัดอยู่ภายในวงเงินค่าหุ้นที่เหลืออยู่ตามที่ระบุไว้ ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของ นิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ที่ช่วยลดความเสี่ยงของผู้ลงทุน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการ มีการจดทะเบียนนิติบุคคล และมีโครงสร้างบริหารจัดการชัดเจน รวมถึงสามารถเพิ่มทุนหรือขยายกิจการในอนาคตได้ง่ายผ่านการออกหุ้นเพิ่มทุน
2) ห้างหุ้นส่วนสามัญ (Ordinary Partnership)
ห้างหุ้นส่วนสามัญ เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของนิติบุคคล ที่เกิดจากการรวมตัวกันของบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อร่วมกันดำเนินธุรกิจ โดยผู้ที่เป็นหุ้นส่วนใน นิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนสามัญ นี้ จะมีสิทธิ์ในการบริหารจัดการกิจการร่วมกันทุกคน และต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินและข้อผูกพันต่าง ๆ ของห้างหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวน ซึ่งหมายความว่าหากห้างหุ้นส่วนมีหนี้สิน หุ้นส่วนแต่ละคนต้องรับผิดชอบทั้งหมดร่วมกัน เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการที่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เนื่องจากมีการบริหารงานร่วมกันและมีความรับผิดชอบในฐานะเจ้าของร่วมทุกคน
3) ห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership)
ห้างหุ้นส่วนจำกัด เป็นรูปแบบหนึ่งของนิติบุคคล ที่ประกอบด้วยหุ้นส่วน 2 ประเภท ได้แก่ หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด (General Partner) ซึ่งมีสิทธิ์ในการบริหารกิจการและต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินของนิติบุคคล แห่งนี้อย่างไม่จำกัด และ หุ้นส่วนจำกัดความรับผิด (Limited Partner) ซึ่งไม่มีส่วนร่วมในการบริหาร และมีความรับผิดชอบต่อหนี้สินของห้างหุ้นส่วนจำกัด เฉพาะในส่วนของจำนวนเงินที่ได้ลงทุนไว้เท่านั้น การจัดตั้ง นิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการร่วมลงทุนแต่ไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงสูง โดยเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนเลือกบทบาทและขอบเขตความรับผิดชอบได้ตามต้องการทำให้นิติบุคคลประเภทนี้ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน
4) สมาคม (Association)
สมาคม คือรูปแบบของนิติบุคคล ที่เกิดจากการรวมตัวของบุคคลหลายคนเพื่อดำเนินกิจกรรมร่วมกันตามวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งวัตถุประสงค์ของ นิติบุคคลประเภทสมาคม นี้ จะไม่เกี่ยวข้องกับการแสวงหาผลกำไร เช่น การจัดตั้งสมาคมวิชาชีพ สมาคมเพื่อการกุศล สมาคมกีฬา หรือสมาคมส่งเสริมกิจกรรมสาธารณะต่าง ๆ จะมีสถานะทางกฎหมายอย่างชัดเจน ทำให้สามารถทำสัญญา ถือครองทรัพย์สิน และดำเนินการต่าง ๆ ได้ตามกฎหมายในนามของสมาคมเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นรายตัว ซึ่งช่วยเสริมความน่าเชื่อถือและความเป็นทางการให้กับกิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ ที่สมาคมจัดขึ้น
5) มูลนิธิ (Foundation)
มูลนิธิ เป็นอีกหนึ่งประเภทของนิติบุคคล ที่จัดตั้งขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายในการดำเนินกิจกรรมเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม โดยไม่แสวงหากำไร วัตถุประสงค์ของ นิติบุคคลประเภทมูลนิธิ มักเกี่ยวข้องกับการกุศล การส่งเสริมศาสนา วิทยาศาสตร์ การศึกษา วัฒนธรรม ศิลปกรรม หรือกิจกรรมสาธารณกุศลอื่น ๆ การจัดตั้งจะมีทรัพย์สินตั้งต้น ซึ่งผู้ก่อตั้งได้มอบไว้ให้เป็นทุนเพื่อใช้ในการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ทรัพย์สินของมูลนิธิถือเป็นกรรมสิทธิ์ของนิติบุคคลในนามมูลนิธิ ซึ่งสามารถนำไปใช้บริหารจัดการกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสในการขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น
ประเภทที่ 2 นิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
นิติบุคคลตามกฎหมายมหาชน หมายถึงองค์กรหรือหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นโดยอาศัยกฎหมายเฉพาะทาง ซึ่งกำหนดวัตถุประสงค์และขอบเขตการดำเนินงานไว้อย่างชัดเจน เพื่อทำหน้าที่และปฏิบัติบทบาทตามที่กฎหมายบัญญัติให้แต่ละองค์กรรับผิดชอบ ซึ่งนิติบุคคลประเภทนี้มีความแตกต่างกันไปตามภารกิจและบทบาท เช่น การบริหารราชการแผ่นดิน การให้บริการสาธารณะ หรือการควบคุมดูแลกิจกรรมเฉพาะด้านในนามของรัฐ โดยทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งในระบบการจัดระเบียบของรัฐภายใต้หลักกฎหมายมหาชน

1) นิติบุคคลตามพระราชบัญญัติ (Public Juristic Persons)
นิติบุคคลตามพระราชบัญญัติ หมายถึง นิติบุคคล ที่จัดตั้งขึ้นโดยอาศัยบทบัญญัติของกฎหมายเฉพาะ ซึ่งกำหนดรูปแบบ โครงสร้าง และกระบวนการดำเนินงานอย่างชัดเจนตามพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น บริษัทมหาชนจำกัด ที่จัดตั้งและดำเนินกิจการภายใต้พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 และ สหกรณ์ ซึ่งต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของพระราชบัญญัติสหกรณ์ นิติบุคคลประเภทนี้มักมีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจและสังคม เนื่องจากมีโครงสร้างและกระบวนการดำเนินงานที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลตามกฎหมายเฉพาะ ทำให้มีมาตรฐานในการบริหารจัดการ มีความน่าเชื่อถือ และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน นักลงทุน และหน่วยงานต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
2) นิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะกำหนด (Specific Legal Entities)
นิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะ คือองค์กรหรือหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ เพื่อทำหน้าที่หรือให้บริการด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น องค์การมหาชน (Public Organization) ซึ่งได้รับการจัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายเฉพาะ เพื่อดำเนินกิจการหรือภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสาธารณะในด้านต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น สำนักงานประกันสังคม ที่มีบทบาทในการดูแลและบริหารระบบประกันสังคมให้แก่ประชาชน
นิติบุคคลประเภทนี้จะมีสถานะทางกฎหมายชัดเจน มีอำนาจหน้าที่ กรอบการดำเนินงาน และโครงสร้างการบริหารตามที่กฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่หรือบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และตรวจสอบได้ ช่วยเสริมความเป็นระเบียบในการบริหารจัดการบริการสาธารณะของรัฐ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในการรับบริการหรือสวัสดิการต่าง ๆ
3) หน่วยงานราชการและองค์กรของรัฐ (Government and State Entities)
หน่วยงานราชการและองค์กรของรัฐ เป็นกลุ่มนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่บริหารงานภาครัฐ และให้บริการสาธารณะแก่ประชาชน โดยมีบทบาทสำคัญในการกำกับ ดูแล และส่งเสริมความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งครอบคลุมหน่วยงานหลากหลายประเภท เช่น วัด จังหวัด กระทรวง ทบวง กรม ตลอดจนองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นกลุ่มนี้ จะมีสถานะทางกฎหมายชัดเจน มีอำนาจหน้าที่และขอบเขตการดำเนินงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน หรือกฎหมายเฉพาะแต่ละประเภท เพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจและให้บริการประชาชนได้อย่างถูกต้อง เป็นธรรม และโปร่งใส จึงถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจของภาครัฐ ทั้งในด้านการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ ความมั่นคง และการอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของประชาชน
4) องค์กรวิชาชีพและการศึกษา (Professional and Educational Institutions)
องค์กรวิชาชีพและการศึกษา เป็นอีกหนึ่งประเภทของนิติบุคคล ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ เพื่อดำเนินกิจกรรมด้านวิชาการ การฝึกอบรม การศึกษา และการวิจัยเชิงวิชาชีพ ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาระดับสูง ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อผลิตบัณฑิต วิจัยองค์ความรู้ และพัฒนาทักษะวิชาชีพที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม จะมีสถานะทางกฎหมายที่ชัดเจน กำหนดโครงสร้างการบริหารและบทบาทหน้าที่ตามพระราชบัญญัติหรือกฎหมายเฉพาะ เช่น พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย ซึ่งช่วยให้สามารถดำเนินงานได้อย่างอิสระและมีมาตรฐานเป็นสากล การมีนิติบุคคลประเภทนี้ ช่วยส่งเสริมระบบการศึกษาและพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีคุณภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของสังคมและเศรษฐกิจในระยะยาว ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการวิจัยและสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้ประเทศ
ลักษณะความต่างระหว่าง บุคคลธรรมดา และ นิติบุคคล
ในการดำเนินธุรกิจหรือทำธุรกรรมทางกฎหมาย เรามักได้ยินคำว่า “บุคคลธรรมดา” และ “นิติบุคคล” ซึ่งทั้งสองสถานะนี้มีความหมายและสิทธิหน้าที่ทางกฎหมายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างบุคคลทั้งสองประเภทนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถเลือกใช้หรือดำเนินการได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง บุคคลธรรมดา กับ นิติบุคคล ได้ดังนี้

เทียบความแตกต่าง | บุคคลธรรมดา | นิติบุคคล |
---|---|---|
สถานะทางกฎหมาย | คือบุคคลที่มีชีวิตจริง ๆ และมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายโดยธรรมชาติ | เป็นหน่วยงานหรือองค์กรที่ได้รับการยอมรับทางกฎหมายให้มีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา แต่มีสถานะเป็นองค์กร เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วน มูลนิธิ เป็นต้น |
การจดทะเบียน | ไม่จำเป็น (ยกเว้นกรณีประกอบธุรกิจบางประเภท) | ต้องจดทะเบียนตามกฎหมายเพื่อจัดตั้ง |
ความรับผิดชอบ | รับผิดชอบส่วนตัวไม่จำกัด | รับผิดชอบจำกัดตามทุนจดทะเบียนหรือข้อกำหนด |
อายุที่มีสิทธิกระทำการ | บรรลุนิติภาวะ (20 ปีบริบูรณ์) | มีสิทธิทันทีเมื่อจัดตั้งเสร็จสมบูรณ์ |
การเสียภาษี | ต้องเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดาตามกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้อง | ต้องเสียภาษีในฐานะองค์กรหรือบริษัทตามกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้อง |
การดำเนินการ | ดำเนินการในนามตนเอง | ดำเนินการในนามองค์กร |
การดำรงอยู่ | การดำรงอยู่ขึ้นอยู่กับชีวิตของบุคคลนั้น ๆ และจะสิ้นสุดเมื่อบุคคลเสียชีวิต | มีการดำรงอยู่ต่อเนื่องแม้ผู้ก่อตั้งหรือสมาชิกจะเปลี่ยนแปลงหรือเสียชีวิตไป |
กฎเกณฑ์และเงื่อนไขของบุคคลธรรมดา
- จะต้องมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ และได้สมรสถูกต้องตามกฎหมาย จะถือว่าเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ
- การที่บุคคลต้องไม่เป็น “บุคคลไร้ความสามารถ”
- โดยบุคคลที่ถือว่าเป็นผู้เยาว์, ผู้ไร้ความสามารถ, และผู้เสมือนไร้ความสามารถ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม, ผู้อนุบาล, หรือผู้พิทักษ์ ตามลำดับตามกฏหมายก่อน ถึงจะทำนิติกรรมได้
ข้อดีของการเปลี่ยนธุรกิจจากบุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคล
หลายธุรกิจเริ่มต้นจากการเป็นบุคคลธรรมดา เพราะดำเนินการได้ง่าย ไม่ซับซ้อน แต่เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น การเปลี่ยนสถานะเป็น “นิติบุคคล” มักเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เพราะช่วยเสริมภาพลักษณ์ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และลดความเสี่ยงส่วนตัวในการดำเนินกิจการ การเข้าใจข้อดีของการเปลี่ยนจากบุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของธุรกิจควรพิจารณา

หัวข้อ | ข้อดีของการเปลี่ยนธุรกิจจากบุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคล |
---|---|
เริ่มต้นด้วยบุคคลธรรมดา |
|
เมื่อธุรกิจเติบโต |
|
ข้อดีของนิติบุคคล |
|
สรุปขั้นตอนจดทะเบียนนิติบุคคล สำหรับมือใหม่
หลายธุรกิจเริ่มต้นจากการเป็นบุคคลธรรมดา เพราะดำเนินการได้ง่าย ไม่ซับซ้อน แต่เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น การเปลี่ยนสถานะเป็น “นิติบุคคล” มักเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เพราะช่วยเสริมภาพลักษณ์ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และลดความเสี่ยงส่วนตัวในการดำเนินกิจการ การเข้าใจข้อดีของการเปลี่ยนจากบุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของธุรกิจควรพิจารณา
1. ตรวจสอบและจองชื่อบริษัท
เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบความพร้อมของชื่อบริษัทที่ต้องการใช้จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีชื่อซ้ำกับบริษัทอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว จากนั้นทำการจองชื่อกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นนำชื่อดังกล่าวไปใช้
2. จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ
ขั้นตอนนี้เป็นการจัดทำและยื่นเอกสารบริคณห์สนธิ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญในการจัดตั้งนิติบุคคล โดยจะระบุรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของบริษัท ที่ตั้งสำนักงาน จำนวนหุ้นทุนจดทะเบียน และโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละราย
3. จองซื้อหุ้นและประชุมผู้ถือหุ้นครั้งแรก
หลังจากร่างบริคณห์สนธิแล้ว ผู้ถือหุ้นต้องทำการจองซื้อหุ้นตามจำนวนทุนที่กำหนดไว้ และจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติบริคณห์สนธิ รวมถึงแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัท ซึ่งเป็นอีกขั้นตอนสำคัญในการจัดตั้งนิติบุคคลอย่างเป็นทางการ
4. จัดประชุมคณะกรรมการบริษัท
เมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมการแล้ว จะต้องมีการประชุมครั้งแรกเพื่อกำหนดอำนาจ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และวางแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคต เพื่อให้การบริหารนิติบุคคลเป็นไปอย่างเป็นระบบและโปร่งใส
5. ชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนนิติบุคคล
ดำเนินการชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนนิติบุคคลกับหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบ โดยอัตราค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับทุนจดทะเบียนและประเภทของนิติบุคคลที่ต้องการจัดตั้ง
6. รับใบสำคัญและหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
เมื่อดำเนินการครบทุกขั้นตอนและผ่านการอนุมัติจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว บริษัทจะได้รับใบสำคัญและหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งถือเป็นเอกสารรับรองสถานะความเป็นนิติบุคคลอย่างสมบูรณ์ตามกฎหมายไทย
โกดังเก็บของ เก็บสินค้า ให้เช่าในราคาถูก ราคารวมภาษีทุกอย่าง ทำให้สามารถลดต้นทุนของลูกค้าได้
ยูนิตว่าง พร้อมให้เช่า คลิ๊กดูโครงการได้ที่นี่
ที่สำคัญโกดังให้เช่า ตั้งอยู่ในทำเลทองหรือสนใจสอบถาม โกดังเก็บสินค้าของ bkkwarehouse
Hotline : 089-768-5205 / 063-829-6219 Telephone : 0-2394-5409
LINE ID : @bkkwarehouse
https://lin.ee/5CuTpWq
บทความแนะนำ
เจาะลึก! การขนส่งมีกี่ประเภท แต่ละแบบมีจุดเด่นอย่างไรบ้าง?
อ่านเนื้อหาก.ค.
คลีนรูม คืออะไร? มีกี่ประเภท และทำไมถึงสำคัญต่ออุตสาหกรรมยุคใหม่
อ่านเนื้อหามิ.ย.
BOI คืออะไร? สิทธิพิเศษที่ช่วยธุรกิจคุณโตไวในประเทศไทย ต้องรู้ก่อนเริ่มธุรกิจในไทย
อ่านเนื้อหามิ.ย.
1 ตารางเมตรเท่ากับกี่เมตร มาไขข้อข้องใจกัน พร้อมวิธีการคำนวณพื้นที่
อ่านเนื้อหาพ.ค.
สัญลักษณ์ไฟฟ้าพื้นฐานที่ควรรู้ พร้อมความหมาย (ล่าสุดสำหรับปี 2025)
อ่านเนื้อหาพ.ค.
สกรู คือ อะไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง? รู้จักประเภทสกรูที่เหมาะกับงานช่างทุกแบบ
อ่านเนื้อหาพ.ค.