ป้ายความปลอดภัยในโรงงาน ติดตรงไหนให้ถูกกฎหมาย? เช็คลิสต์จุดเสี่ยงที่โรงงานต้องมี ก่อนโดนปรับ

ป้ายความปลอดภัยในโรงงาน ติดตรงไหนให้ถูกกฎหมาย? เช็คลิสต์จุดเสี่ยงที่โรงงานต้องมี ก่อนโดนปรับ

ป้ายความปลอดภัยในโรงงาน คือ “ภาษากลาง” ที่ช่วยให้พนักงาน ผู้รับเหมา และผู้มาติดต่อเข้าใจข้อห้าม ข้อควรระวัง และวิธีปฏิบัติได้ทันทีในพื้นที่เสี่ยง จึงควรออกแบบให้สั้น ชัด อ่านง่าย ใช้ข้อความคู่สัญลักษณ์ที่ไม่กำกวม และติดตั้งในจุดที่ต้องตัดสินใจจริง เช่น ก่อนเข้าพื้นที่เสี่ยง หน้าเครื่องจักร และทางแยก เพราะหากติดผิดตำแหน่งหรือปล่อยให้ป้ายซีดจางจนอ่านไม่ชัด ไม่เพียงเพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุ แต่ยังอาจทำให้โรงงานไม่ผ่าน Audit และเสี่ยงโทษปรับตามกฎหมายสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตาม (ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2554) ดังนั้นการตรวจสภาพป้ายและทบทวนตำแหน่งติดตั้งอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

ถอดรหัส มอก. 635-2554 ป้ายความปลอดภัยที่ “ต้อง” มีในโรงงาน

การถอดรหัสมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) 635-2554 ว่าด้วย ป้ายความปลอดภัยในโรงงาน นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด โดยมาตรฐานฉบับนี้มิได้เป็นเพียงข้อแนะนำ แต่คือข้อกำหนดที่ “ต้อง” มีตามกฎหมายด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน หัวใจของ มอก. 635-2554 คือการกำหนด ภาษาความปลอดภัยที่เป็นสากล ผ่านการใช้สี รูปทรง และสัญลักษณ์ ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล (เช่น ISO 7010) เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าใจความหมายได้อย่างรวดเร็วแม้ว่าจะแตกต่างทางภาษา โดยหลักแล้วมาตรฐานนี้บังคับใช้ป้ายหลัก 4 ประเภท คือ

  • 🛑 ป้ายห้าม (สีแดง)
  • ⚠️ ป้ายเตือน (สีเหลือง)
  • 🟦 ป้ายบังคับ (สีน้ำเงิน)
  • 💚 ป้ายภาวะปลอดภัย (สีเขียว)

ซึ่งการติดตั้งที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันตามมาตรฐานนี้ถือเป็นรากฐานของการบริหารจัดการความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมการผลิตสมัยใหม่ เพื่อลดอุบัติเหตุและเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างมีประสิทธิภาพ

10 สัญลักษณ์ ป้ายความปลอดภัยในโรงงาน ที่สำคัญ

ในโรงงาน “ป้ายความปลอดภัย” ที่จำเป็นควรครอบคลุมทั้งการหนีภัย การดับเพลิง ข้อห้าม จุดเสี่ยง และการบังคับใช้ PPE โดยอย่างน้อยควรมี 10 สัญลักษณ์หลักดังนี้

1. ป้ายห้ามเข้า (Do Not Enter)

ป้ายห้ามเข้าที่ติดตั้งในโรงงาน มักใช้สัญลักษณ์วงกลมสีแดงคาดทับ เพื่อบอกให้รู้ว่าบริเวณด้านในเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีหน้าที่เข้าใกล้ เช่น เขตเดินเครื่องจักรขนาดใหญ่ พื้นที่ยกย้ายวัสดุด้วยเครน หรือห้องเก็บสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระเบิดและการระคายเคืองต่อร่างกาย การเคารพป้ายเตือนประเภทนี้ช่วยป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปสัมผัสอันตราย ลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง และช่วยให้การทำงานในโรงงานเป็นไปอย่างปลอดภัยและเป็นระบบมากขึ้น

ป้ายห้ามเข้า (Do Not Enter)

2. ป้ายสวมหมวกนิรภัย (Wear Safety Helmet)

ป้ายสวมหมวกนิรภัย เป็นป้ายความปลอดภัยในโรงงานที่ใช้ย้ำเตือนให้พนักงานและผู้มาติดต่อทุกคนสวมหมวกนิรภัยก่อนเข้าสู่โซนที่มีความเสี่ยงต่อการกระแทกหรือการถูกวัตถุตกใส่ศีรษะ เช่น พื้นที่ก่อสร้าง พื้นที่ติดตั้งเครนยกของ ชั้นวางสินค้าแบบสูง ไปจนถึงลานโหลด–ขนถ่ายสินค้า ป้ายควรติดตั้งในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ระยะทางเข้าพื้นที่ ใช้สัญลักษณ์หมวกนิรภัยที่เป็นมาตรฐาน

ป้ายสวมหมวกนิรภัย (Wear Safety Helmet)

3. ป้ายพื้นที่บริเวณนี้ ห้ามสูบบุหรี่ (No Smoking)

ป้ายห้ามสูบบุหรี่ เป็นหนึ่งในป้ายความปลอดภัยที่โรงงานจำเป็นต้องติดตั้งให้มองเห็นได้ชัดเจน ทั้งบริเวณคลังเก็บสารเคมี พื้นที่ผลิตที่มีฝุ่นหรือไอระเหยติดไฟง่าย และจุดที่มีการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าหนักหรือมีความร้อนสูง ป้ายนี้ทำหน้าที่เตือนพนักงานและผู้มาติดต่อให้หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือก่อประกายไฟทุกชนิด ลดความเสี่ยงการเกิดประกายไฟที่อาจลุกลามเป็นอัคคีภัยรุนแรง

ป้ายพื้นที่ ห้ามสูบบุหรี่ (No Smoking)

4. ป้ายระวังพื้นลื่น (Slippery Surface)

ป้ายระวังลื่น เป็นป้ายความปลอดภัยในโรงงานที่ใช้เตือนให้พนักงานและผู้เกี่ยวข้องระมัดระวังพื้นผิวที่อาจลื่นได้ง่าย เช่น บริเวณที่มีน้ำ น้ำมัน สารหล่อลื่น หรือของเหลวต่าง ๆ หกเปียกอยู่บนพื้น โดยเฉพาะโซนล้างชิ้นงาน พื้นที่ซ่อมบำรุงเครื่องจักร ทางเดินใกล้ถังเก็บสารเคมี หรือจุดรับ‑จ่ายวัตถุดิบที่มีการเคลื่อนย้ายบ่อยครั้ง การติดตั้งป้ายในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนช่วยให้พนักงานลดความประมาท เดินอย่างระมัดระวัง ควรเลือกใช้รองเท้านิรภัยพื้นกันลื่น

ป้ายระวังพื้นลื่น (Slippery Surface)

5. ป้ายพื้นที่จุดรวมพล (Assembly Point)

ป้ายจุดรวมพล เป็นป้ายความปลอดภัยที่ใช้ระบุพื้นที่ปลอดภัยซึ่งพนักงานทุกคนต้องมารวมตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินในโรงงาน ไม่ว่าจะเป็น ไฟไหม้ การระเบิด การรั่วไหลของสารเคมี หรือเหตุที่ต้องอพยพออกจากอาคาร เพื่อให้หัวหน้างานหรือทีมความปลอดภัยสามารถตรวจนับจำนวนคน เช็กผู้สูญหาย และวางแผนช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว ป้ายควรติดตั้งในจุดที่ห่างจากแหล่งอันตรายหลัก ไม่ขวางเส้นทางหนีไฟ มองเห็นได้ชัดจากระยะไกล มีสัญลักษณ์คนรวมกลุ่ม พร้อมข้อความ “จุดรวมพล” และลูกศรหรือแผนผังบอกทิศทางการอพยพที่ชัดเจน

ป้ายพื้นที่จุดรวมพล (Assembly Point)

6. ป้ายทางออกฉุกเฉิน (Emergency Exit)

ป้ายทางออกฉุกเฉิน เป็นหนึ่งในป้ายความปลอดภัยในโรงงานที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะทำหน้าที่บอกตำแหน่งประตูหรือเส้นทางที่สามารถใช้อพยพได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ การรั่วไหลของสารเคมี หรือเหตุการณ์ที่ต้องอพยพคนออกจากพื้นที่โดยเร็ว ป้ายลักษณะนี้มักใช้พื้นสีเขียว ตัวอักษรและสัญลักษณ์สีตัดกันอย่างชัดเจน พร้อมลูกศรชี้ทิศทาง เพื่อให้พนักงานและผู้มาเยือนมองเห็นได้อย่างรวดเร็วแม้ในสภาพแสงน้อย โรงงานจึงควรติดตั้งป้ายทางออกฉุกเฉินตามจุดสำคัญตลอดแนวเส้นทางหนีไฟ เช่น ทางเดินหลัก บันได หน้าประตูทางออก รวมทั้งตรวจสอบไม่ให้มีสิ่งของกีดขวาง และควรมีไฟสำรองหรือป้ายเรืองแสงเพื่อให้ยังมองเห็นได้ในกรณีไฟดับ

ป้ายทางออกฉุกเฉิน ป้ายทางหนีไฟ Emergency Exit

7. ป้ายอุปกรณ์ป้องกันการได้ยิน (Hearing Protection Required)

ป้ายอุปกรณ์ป้องกันการได้ยิน เป็นป้ายความปลอดภัยประเภท “บังคับใช้” ที่ใช้แจ้งให้พนักงานและผู้มาติดต่อทราบว่า บริเวณนี้ต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันการได้ยินทุกครั้ง เหมาะสำหรับติดตั้งในพื้นที่ที่มีระดับเสียงสูง เช่น โซนเครื่องจักรเดินงานต่อเนื่อง เครื่องปั๊มโลหะ เครื่องอัดอากาศ พื้นที่เจียรหรือตัดโลหะ และห้องทดสอบเครื่องยนต์ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยินทั้งแบบชั่วคราวและถาวร ป้ายควรออกแบบให้มองเห็นได้ชัดเจน ติดตั้งในระดับสายตา มีสัญลักษณ์รูปที่ครอบหูนิรภัยตามมาตรฐานสากล

ป้ายอุปกรณ์ป้องกันการได้ยิน (Hearing Protection Required)

8. ป้ายระวังไฟฟ้าแรงสูง (High Voltage)

ป้ายระวังไฟฟ้าแรงสูง เป็น ป้ายความปลอดภัยในโรงงาน ที่ต้องติดตั้งให้มองเห็นได้ชัดเจนบริเวณตู้คอนโทรล แผงสวิตช์ หม้อแปลง หรือพื้นที่ที่มีสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงดันสูง เพื่อเตือนให้พนักงาน ผู้มาตรวจงาน และผู้รับเหมาทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการถูกไฟดูด ไฟฟ้าช็อต หรือเกิดอาร์กไฟฟ้าที่อาจรุนแรงถึงขั้นสูญเสียอวัยวะหรือเสียชีวิตได้ ป้ายควรมีสัญลักษณ์สายฟ้า สีตัดกับพื้นหลัง ตัวอักษรอ่านง่ายจากระยะไกล และติดตั้งในระดับสายตาโดยไม่มีสิ่งของบัง พร้อมทั้งกำหนดเขตห้ามเข้า เว้นระยะห่างจากจุดอันตราย

ป้ายระวังไฟฟ้าแรงสูง (High Voltage)

9. ป้ายสวมหน้ากากกันสารเคมี (Wear Chemical Mask)

ป้ายสวมหน้ากากกันสารเคมี เป็นหนึ่งในป้ายความปลอดภัยในโรงงานที่ใช้เตือนพนักงานและผู้ปฏิบัติงานให้สวมหน้ากากกรองไอและละอองสารเคมีทุกครั้งก่อนเข้าสู่พื้นที่ที่มีการใช้ จัดเก็บ หรืออาจเกิดการรั่วไหลของสารเคมี เพื่อลดความเสี่ยงต่อการระคายเคืองตา ผิวหนัง และระบบทางเดินหายใจ รวมถึงป้องกันการได้รับสารพิษสะสมในร่างกาย

10. ป้ายเครื่องดับเพลิง (Fire Extinguisher)

ป้ายเครื่องดับเพลิง ใช้สำหรับระบุตำแหน่งที่ติดตั้งเครื่องดับเพลิงอย่างชัดเจน มองเห็นได้จากระยะไกล และไม่ถูกสิ่งของบัง ทำให้พนักงานสามารถหยิบใช้งานได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ ป้ายมักใช้พื้นสีแดงร่วมกับสัญลักษณ์รูปถังดับเพลิงหรือหัวฉีด พร้อมข้อความภาษาไทยและอังกฤษ เช่น “เครื่องดับเพลิง” หรือ “Fire Extinguisher” เพื่อลดความสับสนในพื้นที่ที่มีแรงงานหลากหลายชาติ ป้ายควรติดในระดับสายตา ใกล้ประตู ทางหนีไฟ หรือจุดเสี่ยงที่มีวัสดุติดไฟง่าย

ป้ายเครื่องดับเพลิง (Fire Extinguisher)

กฎหมายหลักและบทลงโทษ การไม่ดำเนินการติด ป้ายความปลอดภัยในโรงงาน

ตาม พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 นายจ้างมีหน้าที่ ติดประกาศสัญลักษณ์เตือนอันตรายและเครื่องหมายความปลอดภัยฯ รวมถึงข้อความสิทธิ หน้าที่ของนายจ้างและลูกจ้าง ในที่ที่เห็นได้ง่ายในสถานประกอบกิจการ เพื่อไม่ให้พลาดประเด็นที่อัปเดตล่าสุด (โดยเฉพาะโรงงาน) อ่านต่อได้ที่ เปิดข้อบังคับใหม่ พ.ร.บ. โรงงาน เปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

 
กฎหมายหลักและบทลงโทษ การไม่ดำเนินการติด ป้ายความปลอดภัยในโรงงาน
  • (มาตรา 17) หาก ไม่ติด/ไม่ดำเนินการตามมาตรา 17 จะมีโทษ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • (มาตรา 58) และหากการไม่ติดป้ายเข้าข่าย ฝ่าฝืนมาตรฐานตามกฎกระทรวงที่ออกตาม (มาตรา 8) ก็อาจถูกลงโทษหนักขึ้นเป็น จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

5 จุดเสี่ยงที่ต้องติด ป้ายความปลอดภัยในโรงงาน

ในโรงงาน “ป้ายเตือน” ที่ดีไม่ใช่แค่ติดให้ครบ แต่ต้องติดตรงจุดที่มีโอกาสเกิดเหตุจริง เพื่อให้ทุกคนเห็นแล้วหยุดคิด ระวังได้ทันที นี่คือ 5 จุดเสี่ยงที่ควรมีป้ายอย่างชัดเจน และเพื่อให้การติดป้ายสอดคล้องกับภาพรวมระบบความปลอดภัยทั้งโรงงาน แนะนำอ่านต่อเรื่อง มาตรฐาน ที่ควรรู้ไว้ก่อน 4 มาตรฐานความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรม ที่ต้องรู้

 

1) จุดที่คนเดินอาจชนกับรถขนของ : เช่น ทางแยก มุมเลี้ยว หน้าโกดัง หน้าแท่นส่งของ ต้องมีป้ายเตือนให้ “ชะลอ-ระวัง” และบอกทางคนเดิน/ทางรถให้ชัด เพื่อลดการชนกัน

2) จุดที่มีไฟหรือแรงดันที่อาจเผลอเปิดตอนคนกำลังซ่อม : เช่น ตู้ไฟ สวิตช์หลัก วาล์วลม/น้ำ ต้องมีป้ายบอกว่า “ห้ามเปิด/ห้ามใช้งานระหว่างซ่อม” และบอกว่าปิดตรงไหนถึงจะปลอดภัย

3) จุดที่มีการเท ผสม หรือย้ายสารเคมี : ไม่ใช่แค่ห้องเก็บ แต่รวมถึงจุดที่เทใส่ขวด เติมถัง ผสมงานจริง ต้องมีป้ายบอกว่า “อันตรายอะไร” “ต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันอะไร” และ “ถ้าโดน/หกให้ไปล้างตรงไหน”

4) พื้นที่ที่ทำงานชั่วคราวแล้วทำให้บริเวณนั้นอันตรายกว่าปกติ : เช่น งานเชื่อม งานตัด งานที่สูง หรือช่วงที่เปิดฝาครอบเครื่อง ต้องมีป้าย “ห้ามเข้า/ระวังอันตราย” และบอกว่าถ้าจะเข้าให้ติดต่อใครก่อน

5) บริเวณที่มีของถูกยกขึ้นเหนือศีรษะ : เช่น ใช้รอกหรือเครนยกของ ต้องมีป้าย “ห้ามเดิน/ห้ามยืนใต้ของที่กำลังยก” และกำหนดพื้นที่ห้ามเข้า เพราะถ้าของหล่นหรือแกว่งอันตรายมาก

เทคนิคการติดตั้งป้ายให้ ถูกต้องตามหลักสากล

การติดตั้ง ป้ายความปลอดภัยในโรงงาน ให้ จป. เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย” ยอมรับ ไม่ใช่แค่ติดให้ครบ แต่ต้อง เห็นชัด อ่านทัน และมีเหตุผลทางเทคนิคตรวจรับได้” โดยยึด 3 แกนหลักคือ ตำแหน่งติดตั้ง / ความอ่านได้ตามระยะ / ความชัดในสภาพแสงจริง ดังนี้

เทคนิคการติดตั้งป้ายให้ ถูกต้องตามหลักสากล

1) ความสูง/ตำแหน่งติดตั้ง

  • ป้ายที่ต้อง “อ่านแล้วทำทันที” ติดระดับสายตา 1.5–1.7 ม.
  • หันป้ายเข้าทิศทางการเดินหลัก และหลบจุดสะท้อนแสง/จุดที่คน-พาเลท-เครื่องจักรบัง
  • จุดที่มองไกลหรือมีสิ่งกีดขวาง ใช้ ป้ายแขวน (Overhead) เป็น “ป้ายย้ำ” ไม่ใช่แทนป้ายหลัก

2) ขนาดป้าย vs ระยะมองเห็น (คุมด้วยตัวเลข)

  • สูตรใช้งานไว: H (มม.) ≈ 8.33 × D (เมตร)
    (H = ความสูงตัวอักษร, D = ระยะที่ต้องอ่านให้ได้)
  • ตัวอย่าง: 5 ม. ≈ 42 มม. | 10 ม. ≈ 83 มม. | 15 ม. ≈ 125 มม. | 20 ม. ≈ 167 มม.

3) แสงสว่าง/ป้ายทางหนีไฟ

  • ถ้าเป็น ป้ายเรืองแสง : ขอเอกสารสเปก/ชั้นวัสดุ + อ้างผลทดสอบ ความสว่างคงเหลือ 10–60 นาที และตรวจว่าจุดติดตั้งมีแสงพอ “ชาร์จ” จริง
  • ถ้าเป็น ป้ายสะท้อนแสง : กำหนดชนิดวัสดุและเอกสารสเปก เพื่อให้ตรวจรับได้เป็นระบบ (ไม่ใช้คำว่า “เกรดดี” แบบวัดไม่ได้)

เช็คลิสต์ตรวจสอบ ป้ายความปลอดภัย มีอะไรบ้างที่ควรทำ

เช็คลิสต์ตรวจสอบ ป้ายความปลอดภัยในโรงงาน คือรายการตรวจหน้างานเพื่อยืนยันว่า ป้ายติดครบ ถูกจุด อ่านชัด และสื่อสารให้ทำตามได้ทันที ช่วยลดความเสี่ยงอุบัติเหตุ ลดความสับสนของพนักงาน/ผู้รับเหมา และทำให้การตรวจติดตามมีระบบก่อนเข้าสู่หัวข้อย่อยต่าง ๆ

เช็คลิสต์ตรวจสอบ ป้ายความปลอดภัยในโรงงาน มีอะไรบ้างที่ควรทำ

1) ความครบถ้วน (มีป้ายถูกประเภท)

  • ป้ายห้าม (ห้ามเข้า/ห้ามสูบบุหรี่/ห้ามใช้มือถือ ฯลฯ)
  • ป้ายบังคับ (ต้องใส่ อุปกรณ์ป้องกัน : หมวก/แว่น/หน้ากาก/ที่อุดหู/รองเท้า)
  • ป้ายเตือน (ไฟฟ้าแรงสูง/พื้นลื่น/รถยก/ของตก/ของมีคม/พื้นที่ร้อน)
  • ป้ายฉุกเฉิน (ทางหนีไฟ/จุดรวมพล/ที่ล้างตา/ฝักบัวฉุกเฉิน)
  • ป้ายอุปกรณ์ดับเพลิง (ถังดับเพลิง/สายฉีดน้ำ/สัญญาณแจ้งเหตุ)

2) เนื้อหา อ่านแล้ว (“ทำอะไร” ชัดเจน)

  • ข้อความสั้น ชัด เป็นคำสั่ง (“ต้องทำ…”, “ห้าม…”, “ระวัง…เพราะ…”)
  • 1 ป้าย = 1 ประเด็นหลัก (ไม่ยัดหลายคำสั่ง)
  • มีสัญลักษณ์เข้าใจง่าย / ถ้ามี 2 ภาษา แปลตรงงานจริง

3) การมองเห็น (เห็นไว อ่านทัน)

  • ขนาดตัวอักษรอ่านได้ในระยะใช้งานจริง
  • สีตัดกันชัด ไม่สะท้อนแสงจนอ่านยาก
  • ไม่ถูกคราบฝุ่น/น้ำมันบังข้อความ

4) ตำแหน่งติดตั้ง (ติดถูกจุด)

  • ติด “ก่อนถึงจุดเสี่ยง” ให้มีเวลาตัดสินใจ
  • อยู่ระดับสายตา/มุมที่คนเดินและคนขับรถยกเห็น
  • ไม่โดนบังด้วยประตู ม่าน ชั้นวาง ท่อ ป้ายอื่น

5) สภาพป้าย (พร้อมใช้งานเสมอ)

  •  ไม่ซีด ไม่ลอก ไม่แตก ไม่หลุด
  •  วัสดุเหมาะหน้างาน (ร้อน/ชื้น/กลางแจ้ง/ไอเคมี)
  •  ยึดแน่น ปลอดคม ไม่เสี่ยงบาด/หล่นใส่คน

6) การควบคุมและทบทวน

  •  มีทะเบียนป้าย (จุดติดตั้ง/วันที่ติด-เปลี่ยน/ผู้รับผิดชอบ)
  •  ตรวจตามรอบ (จุดเสี่ยงสูงถี่กว่า) และเปลี่ยนทันทีเมื่ออ่านไม่ชัด
  •  ปรับป้ายทุกครั้งที่ย้ายเครื่อง/เปลี่ยนผัง/เปลี่ยนกระบวนการ

ป้ายความปลอดภัยในโรงงานคือเครื่องมือสื่อสารความเสี่ยงที่ทำให้พนักงาน “เห็นแล้วเข้าใจทันที” ว่าพื้นที่นั้นต้องระวังอะไรและควรปฏิบัติอย่างไร ทั้งการเตือนอันตราย การห้าม การบังคับใช้อุปกรณ์ป้องกัน และการระบุตำแหน่งอุปกรณ์ฉุกเฉิน/ทางหนีไฟ เมื่อเลือกชนิด สี สัญลักษณ์ และตำแหน่งติดตั้งให้เหมาะกับหน้างาน จะช่วยลดความสับสนในช่วงงานเร่งรีบ ทำให้งานเป็นมาตรฐาน และลดโอกาสเกิดเหตุไม่ปลอดภัยตั้งแต่ต้นทาง ส่งผลให้ความเสี่ยงอุบัติเหตุและการบาดเจ็บลดลงในระยะยาวอย่างชัดเจน


โกดังเก็บของ เก็บสินค้า ให้เช่าในราคาถูก ราคารวมภาษีทุกอย่าง ทำให้สามารถลดต้นทุนของลูกค้าได้
ที่สำคัญโกดังให้เช่า ตั้งอยู่ในทำเลทอง

หรือสนใจสอบถาม โกดังเก็บสินค้าของ bkkwarehouse

Hotline : 089-768-5205 / 063-829-6219  Telephone : 0-2394-5409

LINE ID : @bkkwarehouse
https://lin.ee/5CuTpWq

บทความแนะนำ