คลังสินค้ามีกี่ประเภท ควรเลือก ประเภท คลังสินค้า อย่างไรใช้ให้ตรงธุรกิจ

ประเภท คลังสินค้า เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกสถานที่จัดเก็บสินค้าให้เหมาะสมกับธุรกิจ ยกตัวอย่าง คลังสินค้าประเภทต่างๆ เช่น คลังสินค้าทั่วไป คลังสินค้าห้องเย็น และคลังสินค้าขนาดเล็ก ต่างมีข้อดีที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน หากต้องการเลือกคลังสินค้าที่เหมาะสม ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญ เช่น ทำเล ระบบรักษาความปลอดภัย และต้นทุนการดำเนินงาน ตามความเหมาะสมของธุรกิจ

คลังสินค้ามีกี่ประเภท สามารถแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้

คลังเก็บสินค้า เป็นศูนย์กลางสำหรับจัดเก็บวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป รวมถึงสินค้ากึ่งสำเร็จรูปหรือชิ้นส่วนในกระบวนการผลิต การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับสินค้าและวัตถุดิบ

1. ประเภท คลังสินค้า สามารถแบ่งตามลักษณะธุรกิจได้ 2 ชนิดหลัก

1.1. คลังสาธารณะ (Public warehouse)

คลังสาธารณะ คือ คลังสินค้าที่เจ้าของธุรกิจเปิดเพื่อเก็บสินค้าของผู้อื่นและเก็บค่าเช่าสำหรับบริการจัดเก็บ เช่น คลังห้องเย็นที่ใช้เก็บปลาแช่แข็งจากต่างประเทศ ซึ่งช่วยให้โรงงานแปรรูปที่ไม่ต้องการลงทุนสร้างคลังห้องเย็นเองสามารถใช้บริการจัดเก็บสินค้าได้ โดยมีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บตามขนาดหรือระยะเวลาในการใช้บริการ

ข้อดีของ คลังสาธารณะ

การใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เนื่องจาก คลังสาธารณะ ที่สร้างขึ้นสามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม
สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากมีการให้บริการแก่ลูกค้าหลายกลุ่ม
การลดความเสี่ยงจากการว่างของคลังสินค้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการและลดต้นทุนให้กับธุรกิจ
การนำหลักเศรษฐศาสตร์ของการประหยัดจากขนาด (Economies of scale) มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น
สามารถปรับตัวได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการ
มีความรู้ และความเชี่ยวชาญในเรื่องการจัดเก็บ และเคลื่อนย้ายมากกว่า

ข้อเสียของ คลังสาธารณะ

การสื่อสารข้อมูลอาจมีปัญหา เนื่องจากความแตกต่างของระบบการสื่อสารที่ใช้
อาจไม่มีบริการพิเศษบางประเภทที่รองรับความต้องการเฉพาะของสินค้าแต่ละชนิด
บางช่วงเวลาอาจมีความต้องการพื้นที่มากเกินกว่าที่มีอยู่

1.2. คลังส่วนตัว (Private warehouse)

คลังส่วนตัว คือพื้นที่เก็บสินค้าของบริษัทที่ใช้สำหรับจัดเก็บวัตถุดิบหรือสินค้าสำเร็จรูปโดยเฉพาะ เช่น คลังวัตถุดิบ คลังสินค้าสำเร็จรูป ซึ่งบริษัทต่างๆ มักสร้างคลังในพื้นที่ของตนเองเพื่อใช้ภายในองค์กรเท่านั้น

ข้อดีของ คลังส่วนตัว

การควบคุมความปลอดภัยในคลังส่วนตัวสามารถทำได้ดีกว่าคลังสาธารณะ
สามารถจัดเก็บสิ่งของตามความต้องการได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่
สามารถเข้าถึงสิ่งของได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องรอการอนุญาตหรือกำหนดเวลาเปิด-ปิด
การจัดการและตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งของในคลังเป็นอิสระ ไม่ต้องขึ้นอยู่กับข้อกำหนดหรือการควบคุมจากผู้อื่น

ข้อเสียของ คลังส่วนตัว

การดูแลรักษาคลังส่วนตัวอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงทั้งในด้านการบำรุงรักษาและการจัดการ
ข้อจำกัดในพื้นที่อาจทำให้ไม่สามารถจัดเก็บสิ่งของจำนวนมากได้
หากพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการจัดเก็บในอนาคต การขยายพื้นที่อาจเป็นเรื่องยากและมีค่าใช้จ่ายสูง
การสร้างหรือเช่าคลังส่วนตัวมักจะมีต้นทุนสูง ทั้งในด้านค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างหรือการเช่า รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและการจัดการ

2. ประเภท คลังสินค้า ตามลักษณะงาน หรือแบ่งตามลักษณะสินค้าที่เก็บรักษา

คลังสินค้าประเภทนี้มีบทบาทสำคัญในการเก็บรักษาสินค้า ทั้งวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป เพื่อสนับสนุนความต้องการของฝ่ายผลิตหรือร้านค้า การจัดการสินค้าประเภทนี้จึงเน้นที่การรักษาคุณภาพและป้องกันการสูญหายของสินค้าเป็นหลัก

2.1. ศูนย์กระจายสินค้า (Distribution center, DC)

ศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center หรือ DC) คือ คลังสินค้าที่ทำหน้าที่ทั้งการจัดเก็บสินค้าและเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างผู้ผลิต (Manufacturer) กับผู้ขายปลีก (Retailers) โดยให้บริการโลจิสติกส์ (Logistics) รวมถึงการขนส่งสินค้าสำเร็จรูปอย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา ศูนย์กระจายสินค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ให้บริการภายนอก (Outsource) หรือ Third Party Logistics (3PL) ที่ช่วยบริหารจัดการคลังสินค้าและการขนส่งตามความต้องการของลูกค้า

คลังสินค้าจะทำหน้าที่รับสินค้าจากผู้ผลิตเพื่อนำมาเก็บและจัดการในระบบคลังเก็บสินค้า โดยใช้เทคโนโลยีในการควบคุมปริมาณและกระจายสินค้า รวมถึงการจัดส่งแทนผู้ผลิตหรือเจ้าของสินค้า ตลอดจนรับผิดชอบงานขนส่งจนถึงมือผู้รับประโยชน์ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งจากผู้ผลิตไปยังผู้ขายปลีกหรือลูกค้า โดยผู้ผลิตสามารถขนส่งสินค้าไปที่ DC แห่งเดียวได้สะดวกและมีประสิทธิภาพ

โดย DC ช่วยกระจายสินค้าสู่ผู้ขายปลีกตามความถี่ที่ต้องการ ลดความจำเป็นในการเก็บสินค้าคงคลังจำนวนมาก ลดค่าใช้จ่ายวัสดุคงคลัง และต้นทุนรวม ส่งผลให้ร้านขายปลีกสามารถแข่งขันในด้านราคาและความรวดเร็วในการบริการได้ดีขึ้น จนหลายร้านสามารถรับประกันราคาต่ำสุดแก่ผู้บริโภคได้

3. ประเภท คลังสินค้า แบ่งตามลักษณะสินค้า

3.1. คลังสินค้าทั่วไป

คลังสินค้าทั่วไปใช้เก็บสินค้าที่ไม่ต้องการการดูแลพิเศษ เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค วัตถุดิบ อุปกรณ์ หรือเครื่องจักร โดยออกแบบให้รองรับผลิตภัณฑ์และวัสดุหลากหลาย มักมีพื้นที่เปิดโล่งพร้อมชั้นวางหรือระบบจัดเก็บเพื่อความเป็นระเบียบ และมีอุปกรณ์ต่างๆ เช่น รถยกในการขนถ่ายและเคลื่อนย้ายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บและกระจายสินค้าก่อนการจัดส่งหรือแปรรูปต่อไป

3.2. คลังสินค้าของสด

คลังสินค้าชนิดนี้ถูกออกแบบเพื่อเก็บสินค้าประเภทสด เช่น ผลไม้ ผัก นม เนื้อสัตว์ และอาหารทะเล ซึ่งต้องการการควบคุมอุณหภูมิอย่างเคร่งครัดเพื่อรักษาความสดและคุณภาพ โดยมีระบบทำความเย็นพิเศษและโซนควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมกับประเภทสินค้า เพื่อให้สินค้ายังคงสภาพดีจนถึงมือผู้ค้าปลีกหรือผู้บริโภค

3.3. คลังสินค้าอันตราย

คลังสินค้าชนิดนี้ใช้เก็บวัตถุอันตรายที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้คนและสิ่งแวดล้อม เช่น สารพิษ สารเคมี เชื้อเพลิง และวัตถุระเบิด โดยต้องมีการแยกประเภทและเก็บอย่างถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ คลังสินค้าเหล่านี้ต้องมีผู้ควบคุมดูแลระบบบำบัดมลพิษและได้รับใบอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมปฏิบัติตามข้อบังคับด้านความปลอดภัยเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

3.4. คลังสินค้าพิเศษ (ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น)

คลังสินค้าพิเศษเป็นคลังขนาดเล็ก พบได้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ใช้เก็บสินค้าประเภทเฉพาะ เช่น ยา เคมีภัณฑ์ สินค้าที่เน่าเสียง่าย หรือสินค้ามูลค่าสูง โดยมีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอย่างเหมาะสม พร้อมมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาคุณภาพของสินค้าให้คงเดิม

โกดังเก็บของ เก็บสินค้า ให้เช่าในราคาถูก ราคารวมภาษีทุกอย่าง ทำให้สามารถลดต้นทุนของลูกค้าได้

ยูนิตว่าง พร้อมให้เช่า คลิ๊กดูโครงการได้ที่นี่

ที่สำคัญโกดังให้เช่า ตั้งอยู่ในทำเลทองหรือสนใจสอบถาม โกดังเก็บสินค้าของ bkkwarehouse

Hotline : 089-768-5205 / 063-829-6219 Telephone : 0-2394-5409

LINE ID : @bkkwarehouse
https://lin.ee/5CuTpWq