ศุลกากร คือ ด่านแรกของการค้าระหว่างประเทศ มีหน้าที่อะไรบ้าง?

ศุลกากร คือ กระบวนการทำงานของศุลกากรในการควบคุมการนำเข้าสินค้าระหว่างประเทศ

ศุลกากร คือ หน่วยงานหรือระบบที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการนำเข้าและส่งออกสินค้าของประเทศ โดยทำหน้าที่ตรวจสอบสินค้า เก็บภาษีศุลกากร และป้องกันการลักลอบนำของต้องห้ามเข้าหรือออกนอกประเทศ นอกจากการควบคุมทางเศรษฐกิจแล้ว ศุลกากรยังมีบทบาทด้านความมั่นคง ป้องกันสิ่งผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด อาวุธ หรือของละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ให้ผ่านเข้ามาในประเทศอีกด้วย

1. ประวัติความเป็นมาของ ศุลกากร ในประเทศไทย

ศุลกากร คือ องค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการจัดเก็บภาษีจากการนำเข้าส่งออก ซึ่งมีรากฐานทางประวัติศาสตร์ยาวนานในประเทศไทย โดยสามารถย้อนกลับไปได้ถึงสมัยสุโขทัย ในยุคนั้นมีการใช้คำว่า “จกอบ” เพื่อเรียกกิจกรรมเกี่ยวกับการควบคุมสินค้านำเข้า ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา หน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและเรียกเก็บภาษีขาเข้าสินค้าจากต่างประเทศเรียกว่า “พระคลังสินค้า” ซึ่งเป็นต้นแบบของระบบศุลกากรในเวลาต่อมา

ประวัติความเป็นมาของ ศุลกากร ในประเทศไทย

ในยุครัตนโกสินทร์ ระบบการเก็บภาษีอากรได้พัฒนาเป็นระบบเจ้าภาษีนายอากร โดยเปิดให้เอกชนประมูลสิทธิ์ในการจัดเก็บภาษี ซึ่งสะท้อนถึงการบริหารรายได้ของแผ่นดินในยุคนั้นอย่างชัดเจน กระทั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ประเทศไทยเริ่มมีการค้าระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น จึงมีการลงนาม “สนธิสัญญาเบาว์ริง” กับประเทศอังกฤษ ส่งผลให้มีการปรับเปลี่ยนระบบภาษีจากค่าธรรมเนียมปากเรือเป็น “ภาษีร้อยชักสาม” และมีการตั้งหน่วยงานควบคุมภาษีอย่างเป็นทางการ เรียกว่า “ศุลกสถาน”

ต่อมาในปี พ.ศ. 2417 รัฐบาลได้จัดตั้ง “หอรัษฎากรพิพัฒน์” ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บและรวบรวมรายได้ของประเทศ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการบริหารภาษีอากรที่มีระบบมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายมาเป็น “กรมศุลกากร” ในปัจจุบัน ที่มีภารกิจหลักในการควบคุมการนำเข้าส่งออกสินค้า ป้องกันการลักลอบสินค้า และจัดเก็บภาษีศุลกากรเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ

2. ศุลกากร คือ อะไร ? เข้าใจง่ายในฉบับคนทั่วไป

ศุลกากร คือ หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ควบคุมการนำเข้าและส่งออกสินค้า รวมถึงการจัดเก็บภาษีอากรที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ โดยเป้าหมายหลักของศุลกากร คือ การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ความปลอดภัยของประเทศ และสนับสนุนการค้าอย่างเป็นธรรม

ทำไมต้องรู้ว่า ศุลกากร คือ อะไร ในโลกที่การค้าออนไลน์และการส่งสินค้าข้ามประเทศเติบโตอย่างรวดเร็ว ความเข้าใจเรื่องศุลกากรจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือแม้แต่ผู้บริโภคทั่วไป การรู้ว่าสินค้าที่เราซื้อมาจากต่างประเทศต้องเสียภาษีหรือไม่ จะถูกตรวจหรือเปล่า ล้วนเกี่ยวข้องกับศุลกากรทั้งสิ้น

3. หน้าที่หลักของศุลกากร คือ อะไร?

การทำความเข้าใจหน้าที่ของศุลกากรช่วยให้ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง โดยหน้าที่หลักของศุลกากรสามารถสรุปได้ดังนี้

  • การจัดเก็บภาษีอากรจากการนำเข้าและส่งออก

ศุลกากรมีหน้าที่ในการคำนวณและจัดเก็บภาษีอากร เช่น ภาษีนำเข้า อากรขาเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้า เพื่อให้เกิดรายได้แก่ประเทศ

  • การควบคุมสินค้านำเข้าและส่งออก

ตรวจสอบว่าสินค้าที่เข้าสู่ประเทศหรือออกไปภายนอกปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัย มาตรฐาน หรือข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อม เช่น สินค้าต้องห้าม สินค้าอันตราย หรือสัตว์และพืชที่มีข้อจำกัดทางการค้า

  • การป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย

ศุลกากรมีบทบาทในการสกัดกั้นสิ่งของต้องห้าม เช่น ยาเสพติด อาวุธ หรือสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ

  • การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

แม้ว่าหน้าที่หลักของศุลกากรจะเกี่ยวข้องกับการควบคุม แต่ในอีกด้านหนึ่ง หน่วยงานนี้ยังช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในการดำเนินกิจกรรมทางการค้า เช่น การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA)

  • การตรวจสอบและปล่อยสินค้า

ศุลกากรดำเนินการตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ รวมถึงการสุ่มตรวจสินค้าที่นำเข้า เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าตรงตามที่ระบุไว้ และไม่มีความผิดกฎหมายแอบแฝง

เพราะอะไรเราต้องรู้จักหน้าที่ของศุลกากร ไม่ว่าคุณจะเป็นนักธุรกิจ ผู้นำเข้าสินค้า หรือผู้บริโภคทั่วไป ความเข้าใจว่า ศุลกากร คือ อะไรและมีบทบาทอย่างไร จะช่วยลดความเสี่ยงจากการทำผิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจ และยังช่วยให้กระบวนการต่าง ๆ เป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น

4. ภาษีศุลกากร คือ อะไร ?

ภาษีศุลกากร หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “อากรศุลกากร” เป็นรูปแบบของ ภาษีทางอ้อม ซึ่งผู้ประกอบการสามารถผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภคได้ โดยการจัดเก็บภาษีประเภทนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีการ นำเข้าสินค้า หรือ ส่งออกสินค้า ข้ามเขตแดนของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งทางอากาศ ทางทะเล หรือทางบก ในปัจจุบัน ภาษีศุลกากรแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

  • พิธีการศุลกากร ภาษีอากรขาเข้า
  • พิธีการศุลกากร ภาษีอาการขาออก

5. พิธีการศุลกากร ภาษีอากรขาเข้า

พิธีการศุลกากร ภาษีอากรขาเข้า คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้าที่นำเข้ามายังประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อควบคุมการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ คุ้มครองผู้ผลิตในประเทศ และสร้างรายได้ให้กับรัฐ การจัดเก็บภาษีศุลกากรขาเข้าอยู่ภายใต้การดูแลของ กรมศุลกากร และต้องชำระก่อนที่สินค้าจะได้รับการปล่อยผ่านออกจากด่านตรวจ

พิธีการศุลกากร ภาษีอากรขาเข้า คือ อะไร

5.1 ประเภทของภาษีศุลกากรขาเข้า

การนำเข้าสินค้าแต่ละประเภทอาจต้องเสียภาษีที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลักดังนี้

  • ภาษีอากรขาเข้า (Import Duty)
    เป็นภาษีพื้นฐานที่จัดเก็บจากมูลค่าของสินค้า (CIF: Cost, Insurance and Freight) โดยอัตราภาษีจะแตกต่างกันไปตามหมวดหมู่ของสินค้า

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
    จัดเก็บในอัตรา 7% ของมูลค่าสินค้ารวมภาษีอากรขาเข้า หากสินค้านำเข้ามาเพื่อจำหน่ายหรือใช้ในเชิงพาณิชย์จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มนี้ด้วย

  • ภาษีสรรพสามิต (Excise Tax)
    ใช้กับสินค้าบางประเภท เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ ฯลฯ โดยอัตราภาษีขึ้นอยู่กับประเภทและลักษณะของสินค้า

5.2 วิธีคำนวณภาษี ศุลกากรขาเข้า

สมมุติว่าคุณนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า ราคาสินค้าพร้อมค่าขนส่งและประกันภัย (CIF) รวมเป็น 100,000 บาท โดยมีรายละเอียดภาษีดังนี้

  • ภาษีอากรขาเข้า 10%

  • ภาษีสรรพสามิต 0% (ถ้าไม่อยู่ในกลุ่มสินค้าที่ต้องเสีย)

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%

ขั้นตอนการคำนวณ

  1. คำนวณภาษีอากรขาเข้า
    (100,000 × 10%) ÷ 100 = 10,000 บาท

  2. มูลค่ารวมภาษีอากรขาเข้า = 100,000 + 10,000 = 110,000 บาท

  3. คำนวณ VAT:
    (110,000 × 7%) ÷ 100 = 7,700 บาท

รวมภาษีทั้งหมดที่ต้องชำระ = 10,000 + 7,700 = 17,700 บาท

5.3 ใครบ้างต้องเสียภาษีศุลกากรขาเข้า

  • บุคคลธรรมดา ที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ
  • บริษัท ห้างร้าน หรือ ผู้นำเข้าโดยอาชีพ
  • แม้แต่การสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์จากต่างประเทศ ก็อาจถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรขาเข้า หากมูลค่าของสินค้าสูงเกินเกณฑ์ที่กำหนด

5.4 ข้อยกเว้นภาษีศุลกากรขาเข้า

มีกรณีที่ผู้นำเข้าอาจได้รับการ ยกเว้นภาษี เช่น

  • ของขวัญจากต่างประเทศมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท
  • สินค้าตัวอย่างเพื่อการแสดงในงานแสดงสินค้า
  • การนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งอาจลดหรือยกเว้นอัตราภาษีบางรายการ

6. พิธีการศุลกากร ภาษีอากรขาออก

พิธีการศุลกากร ภาษีอากรขาออก คือ ภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บจากสินค้าที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมการส่งออกสินค้าเฉพาะกลุ่ม ป้องกันปัญหาขาดแคลนภายในประเทศ รวมถึงสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

แม้ว่าในทางปฏิบัติ ประเทศไทยจะจัดเก็บภาษีศุลกากรขาออกเพียงบางประเภทสินค้าเท่านั้น แต่ก็ยังคงมีกฎหมายและระเบียบควบคุมไว้อย่างชัดเจน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางการค้าและผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาว

พิธีการศุลกากร ภาษีอากรขาออก คือ อะไร ?

6.1 สินค้าที่ต้องเสียภาษี ศุลกากรขาออก

แม้ว่าสินค้าส่วนใหญ่ที่ส่งออกจากประเทศไทยจะ ไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรขาออก แต่ก็ยังมีสินค้าบางกลุ่มที่อยู่ภายใต้การควบคุมและเก็บภาษี เช่น

  • ไม้แปรรูป และไม้ยางพารา: เพื่อควบคุมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ

  • ข้าวบางชนิด: ในบางช่วงเวลา เพื่อรักษาระดับสต็อกภายในประเทศ

  • แร่ธาตุบางประเภท: ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ

อัตราภาษีขาออกนั้นกำหนดไว้ใน พิกัดอัตราศุลกากรขาออก โดยกรมศุลกากร และอาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายเศรษฐกิจ

6.2 วิธีคำนวณภาษี ศุลกากรขาออก

การคำนวณภาษีศุลกากรขาออกใช้หลักการดังนี้

ภาษีขาออก = ราคาศุลกากร (FOB) × อัตราภาษี (%)

โดยหลักการคำนวณ

  • ราคาศุลกากร (FOB) คือราคาสินค้า ณ จุดที่ส่งออกจากประเทศไทย ไม่รวมค่าขนส่งและประกันภัย
  • อัตราภาษี ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า ซึ่งระบุไว้ในพิกัดภาษีศุลกากร

ตัวอย่างการคำนวณ
ถ้าส่งออกไม้แปรรูปมูลค่า 100,000 บาท โดยอัตราภาษีขาออกคือ 5%

ภาษีศุลกากรขาออก = (100,000 × 5%) ÷ 100  = 5,000 บาท

6.3 ขั้นตอนการเสียภาษีศุลกากรขาออก

  • ยื่นเอกสารใบขนสินค้าขาออก ผ่านระบบ e-Customs ของกรมศุลกากร

  • ตรวจสอบพิกัดภาษี และอัตราภาษี ตามประเภทสินค้า

  • ชำระภาษีศุลกากรขาออก ผ่านระบบออนไลน์หรือเคาน์เตอร์ธนาคาร

  • รอการตรวจปล่อยสินค้า จากด่านศุลกากร ก่อนออกนอกประเทศ

6.4 ข้อยกเว้นและสิทธิประโยชน์

บางกรณีผู้ส่งออกอาจได้รับ การยกเว้นภาษีศุลกากรขาออก หรือได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น

  • สินค้าที่อยู่ภายใต้เขตปลอดอากร (Free Zone)
  • การส่งออกภายใต้ข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ
  • โครงการสนับสนุนของ BOI ที่ให้สิทธิพิเศษด้านภาษีแก่ผู้ประกอบการ

7. หลักการและเหตุผลของการจัดเก็บภาษีศุลกากร

การจัดเก็บภาษีศุลกากรมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อควบคุมการนำเข้าและส่งออกสินค้า รวมถึงสร้างรายได้ให้แก่รัฐ โดยมีหลักการที่ยึดตามกฎหมายศุลกากร และเหตุผลในการคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศ สร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันทางการค้า และรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยสามารถจำแนกวัตถุประสงค์ออกเป็น 4 ด้านหลัก ดังนี้

1. เสริมสร้างรายได้ให้กับรัฐ
ภาษีศุลกากรถือเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้ที่สำคัญของรัฐบาล ซึ่งช่วยสนับสนุนงบประมาณสำหรับการพัฒนาประเทศและบริการสาธารณะต่าง ๆ

2. ควบคุมเสถียรภาพเศรษฐกิจจากภายนอกประเทศ
การใช้ภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือในการควบคุมการนำเข้าสินค้า สามารถช่วยลดความผันผวนจากเศรษฐกิจโลก และปกป้องเศรษฐกิจภายในจากผลกระทบภายนอก

3. คุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศ
หน้าที่หนึ่งของภาษีศุลกากรคือการป้องกันการแข่งขันจากสินค้านำเข้าที่อาจทำลายอุตสาหกรรมท้องถิ่น ช่วยให้อุตสาหกรรมภายในมีโอกาสเติบโตอย่างมั่นคง

4. ควบคุมราคาสินค้าและลดกำไรส่วนเกินจากต่างประเทศ
รัฐสามารถใช้ภาษีศุลกากรเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าในประเทศ และควบคุมไม่ให้ผู้ส่งออกจากต่างประเทศได้รับผลกำไรมากเกินไปจากการค้าขายกับประเทศเรา


โกดังเก็บของ เก็บสินค้า ให้เช่าในราคาถูก ราคารวมภาษีทุกอย่าง ทำให้สามารถลดต้นทุนของลูกค้าได้

ยูนิตว่าง พร้อมให้เช่า คลิ๊กดูโครงการได้ที่นี่

ที่สำคัญโกดังให้เช่า ตั้งอยู่ในทำเลทองหรือสนใจสอบถาม โกดังเก็บสินค้าของ bkkwarehouse

Hotline : 089-768-5205 / 063-829-6219  Telephone : 0-2394-5409

LINE ID : @bkkwarehouse
https://lin.ee/5CuTpWq

บทความแนะนำ